ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ถูกจับแล้วครูขี้โกง “ดร.ภูผาภูมิ” ตัวการใหญ่หลอกชาวบ้านหลายตำบลสวมสิทธิโครงการคนละครึ่ง ค้นบ้านเจอรายชื่อชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อเป็นบัญชียาวเป็นหางว่าว คุมตัวสอบปากคำทันที พร้อมตั้งข้อหาร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้ (6 ก.พ.) ที่กองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เดินทางเข้าสอบปากคำ ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ อยู่บ้านเลขที่ 111/127 ม.17 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านหนองผือ อ.หนองเรือ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ.26/2564 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ในข้อหาเอาไปเสีย หรือไว้ ซึ่งบัตรหรือใบรับรอง หรือใบแทนใบรับรองของผู้อื่น เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และนำข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อ 3 วันก่อน ได้มีชาวบ้านโนนค้อ ม.2 ต.โคกงาม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น จำนวน 38 คน เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านฝาง ว่า ช่วงเดือนตุลาคม 2563 ครูฝน หรือนางบุหงา สุดงูเหลือม ครูโรงเรียนบ้านโสกแต้ หมู่ที่ 8 บ้านโสกแต้ ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง เอาเงินมาแจก 200 บาท บอกว่าเป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน คนที่ไม่ได้ไปเที่ยว จะได้คนละ 200 บาท หลังจากนั้นครูฝนได้ขอถ่ายเอารูปบัตรประชาชนของชาวบ้านไป
ต่อมา รัฐบาลให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ ชาวบ้านจึงได้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในการที่จะรับการช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ลงทะเบียนไม่ได้ จึงมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกัน โดยให้ธนาคารกรุงไทยทำการตรวจสอบ จนทราบว่า ชื่อของชาวบ้านนั้นมีการนำไปผูกกับหมายเลขโทรศัพท์เพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งและโครงการเที่ยวด้วยกันไปแล้ว
ชาวบ้านจึงได้มีการสอบถามกับครูฝน ครูฝนจึงบอกว่าตนเป็นแค่คนรับจ้างจากครูภูผาภูมิเท่านั้น ต่อมา ค่ำวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ครูภูผาภูมิ ได้นัดชาวบ้านเจรจาต่อรอง โดยสัญญาจะให้เงินชดเชยแก่ชาวบ้านที่ถูกเอาชื่อไปผูกกับเบอร์โทรศัพท์รายละ 1,000-2,000 บาทเพื่อแลกกับไม่ต้องแจ้งความดำเนินคดี แต่ชาวบ้านไม่ยินยอมและยืนยันจะให้ตำรวจจับกุมตัวครูทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ถัดมา วานนี้ (5 ก.พ.) ครูฝน ซึ่งเป็นบุคคลที่ชาวบ้านกล่าวหา ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บ้านฝาง เพื่อให้ปากคำต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยให้ปากคำนานกว่า 10 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บรวบรวมหลักฐานในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับครูภูผาภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาต่อ ครูฝน ในข้อหาร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งภายหลังแจ้งข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวไป
กระทั่งล่าสุด วันนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับครูภูผาภูมิ และขอหมายค้นเข้าตรวจค้นจำนวน 3 จุด คือบ้านของครูภูผา บ้านมารดาครูภูผา และบ้านครูฝน ได้หลักฐานเป็นเอกสารและสมุดบัญชีรายชื่อของชาวบ้านโนนค้อ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และขณะเข้าตรวจค้น พบครูภูผาภูม ในบ้านพัก จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับไปทำการสอบสวน
โดยขณะนี้ครูภูผาภูมิ ถูกควบคุมตัวและถูกสอบสวนที่ กก.สส.3 บก.สส.ภ.4 โดยห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนถ่ายภาพทำข่าวเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า พล.ต.ท.ยรรยง เชโอสถ ผบช.ภ.4 จะทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันจันทร์ที่ 8 ก.พ. ที่จะถึงนี้