ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ผบช.ภ.3” โกนหัวธำรงวินัย แสดงความรับผิดชอบ กรณีกลุ่มราษฎรแขวนป้าย
“ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” หยามตำรวจหน้าโรงพักภูเขียว จ.ชัยภูมิ พร้อมสั่งย้ายด่วน
“ผู้กำกับการ” สภ.ภูเขียว จวกไร้ซึ่งระเบียบวินัยและไร้จิตสำนึกความเป็นตำรวจ พร้อมสั่งดำเนินคดีกลุ่มราษฎรที่ชุมนุมทุกคน
วันนี้ (2 ก.พ.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ได้มีหนังสือเรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการ ตามคำสั่งตำรวจภูธรภาค 3 ที่ 206/2564 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ให้ว่าที่ พ.ต.อ.เพิ่มสุข ศิริพละ ผู้กำกับการ (ผกก.) สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 3 โดยขาดจากตำแหน่ง และหน้าที่สังกัดเดิม ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
และให้ พ.ต.อ.ปราโมทย์ สิมหลวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) ชัยภูมิ รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ อีกหน้าที่หนึ่ง ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับคำสั่งย้ายดังกล่าว เนื่องจากเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร ซึ่งได้จัดค่ายราษฎรออนทัวร์ โดยจัดขึ้นบริเวณนอกรั้วโรงเรียนภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ หลังอ้างมีการคุกคามนักเรียนที่จะไปร่วมค่ายดังกล่าว ต่อมากลุ่มราษฎรได้ย้ายสถานที่มาปักหลักค้างคืนหน้า สภ.ภูเขียว เพื่อทวงถามคำขอโทษจากเจ้าหน้าที่ในกรณีที่คุกคามนักเรียน พร้อมทั้งยังมีการแขวนป้ายผ้าขนาดใหญ่ ระบุข้อความว่า “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” และ #SAVE เมียนมาร์ ด้านหน้าโรงพัก
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้มีคำสั่งย้ายด่วนผู้กำกับการ สภ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เนื่องจากผู้กำกับการไร้จิตสำนึกความเป็นตำรวจ ไร้ซึ่งระเบียบวินัย และไร้ซึ่งแผนเผชิญเหตุ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด ซึ่งขณะเกิดเหตุผู้กำกับการไม่รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงถึงการปล่อยปละละเลย และหย่อนยาน
ในวันเดียวกันนี้ตนจะเดินทางไปที่ สภ.ภูเขียว เพื่อกำกับติดตาม และสั่งการให้ดำเนินคดีกลุ่มราษฎรทุกคนที่ชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ รวมถึงข้อหาอื่นๆ ทั้งนี้ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ในระเบียบวินัย เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาไร้ระเบียบวินัย ตนในฐานะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จึงต้องโกนหัวเพื่อธำรงวินัย
