ลำพูน - ศรัทธาชาวบ้านทั้งใกล้ไกลเล่าลือกันทั่ว..พบแสงประหลาดพุ่งพาดทับ “พระเจ้าตาเขียว” พระพุทธรูปสีดำอายุเก่าแก่ในลำพูนแทบทุกพลบค่ำ เหรียญรุ่นแรกช่วยคนรอดตาย คนอธิษฐานขอพรสมหวังบ่อยครั้งมาแก้บนเป็นประจำ
ขณะนี้ศรัทธาชาวบ้านรอบวัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว หมู่ที่ 2 ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ต่างร่ำลือว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพลำแสงประหลาดสีขาวพาดผ่านปิดบังพระพุทธรูปพระประธานภายในพระวิหารช่วงพลบค่ำจนถึงค่ำคืนเป็นประจำ จนผู้คนทั้งใกล้และไกลที่ทราบข่าวต่างพากันแวะเวียนไปกราบไหว้ขอโชคลาภ
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียวเมื่อวานนี้ (31 ม.ค. 64) พบนางทองม้วน สุภายอง อายุ 61 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน พร้อมด้วยชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งที่มากราบไหว้พระประธานในวิหารภายในวัดที่เป็นพระพุทธรูปสีดำ นางทองม้วนกล่าวว่า เรื่องลำแสงประหลาดยืนยันว่ามีจริงเพราะสามารถดูได้จากกล้องวงจรปิดของวัดตามที่มีการแชร์ไปในโซเชียลฯ แต่มีหลายมุม ทั้งลำแสงสีขาวยาวพาดแนวตรง และแนวเฉียง พาดตรงพระประธานหรือพระพุทธรูปพระเจ้าตาเขียว
ส่วนในเรื่องของการขอโชคลาภนั้นก็แล้วแต่ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนมากคนที่มาทำบุญและมานั่งสมาธิก็จะนิมิตเห็นตัวเลขตามร่างกาย บางคนมองเห็นตามแขนบ้าง ตามลำตัวบ้าง เมื่อเห็นตัวเลขก็นำไปซื้อหวยก็ถูกกันบ้างมีเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็มาขอพร ขอให้ได้งานทำ ขอให้มีบุตร ขอให้ค้าขายสำเร็จ ติดต่องานสำเร็จ เป็นต้น
“ที่รู้เพราะมีคนที่มาแก้บนบ่อยๆ มีอยู่รายหนึ่งอยู่ต่างจังหวัดนำเงินสดมาถวายวัด 1 ล้าน กับ 100 บาท โดยไม่ประสงค์ออกนาม ไม่บอกชื่อที่อยู่ ซึ่งทางพระและคณะกรรมการก็รับเงินไว้ ก็แสดงว่าเขามาบนมาขอแล้วประสบความสำเร็จจึงมาแก้บน”
ส่วนอภินิหารด้านอื่นๆ ก็เล่ากันมาในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านเคารพและศรัทธามาก เช่น คนในหมู่บ้านหลายคนที่เคยเช่าบูชาเหรียญรุ่นแรก พระเจ้าตาเขียว ที่สร้างเมื่อหลายสิบปีก่อนในราคาเหรียญละ 25 บาท เป็นเหรียญทองแดง ที่เชื่อว่าเป็นอภินิหารของพระเจ้าตาเขียวช่วยไว้ เช่น เกิดอุบัติเหตุรถชนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ตกน้ำก็ลอย เป็นต้น
ด้านพระครูภาวนาโสภิตวิ หรือตุ๊ลุงบุญรัตน์ เจ้าอาวาสวัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว เล่าประวัติของพระเจ้าตาเขียว พระพุทธรูปสีดำที่เป็นพระประธานในวิหาร ว่า ตามตำนานท้องถิ่นได้ระบุเอาไว้ว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จประกาศพระพุทธศาสนาสั่งสอนไปยังทุกหมู่บ้าน พร้อมด้วยสาวก ทุกๆ แห่งที่ผ่านไปได้ประทานรอยพระพุทธบาท พระเกศาธาตุ และได้ตรัสพยากรณ์สถานที่นั้นๆ ไปด้วย
จนเสด็จมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ทรงพยากรณ์ว่า ภายหน้าจะเป็นนครที่รุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนามาก มีนามว่า "หริภุญชัยนคร" ณ ที่พระพุทธองค์ประทับพักมี “ลัวะ” ชื่อเม็งคบุตร ได้ชวนผู้คนแถวนั้นมาฟังธรรม และรู้ถึงอานิสงส์แห่งการสร้างพระพุทธรูป จนเข้าถึงพระรัตนตรัยกันโดยถ้วนหน้า พระอินทร์ทูลขอพระเกศาธาตุ พระองค์ประทานให้แล้วเสด็จต่อไป
หลังจากนั้นเม็งคบุตรร่วมกับคนท้องถิ่น ได้พากันขุดอุโมงค์นำพระเกศาธาตุใส่ผอบทองคำ และใส่ในโกฏิเงินอีกชั้น พร้อมทั้งของมีค่ามากมาย บรรจุลงในอุโมงค์แล้วปิดด้วยอิฐขนาดใหญ่ ต่อมาพญานาคได้นำศิลาหินใหญ่จากบาดาลมาปิดทับอุโมงค์อีกชั้นหนึ่ง (ณ วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน)
พระเกศาธาตุ และพระพุทธรูปพระเจ้าตาเขียว ณ วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้ปรากฏเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ในปี พ.ศ. 1235 อาณาจักรหริภุญชัยนครมีความรุ่งเรืองทางศาสนามาก ผู้มีศีลธรรมคนหนึ่งชื่อ ขันตะคะ ได้ทราบเรื่องพระเกศาธาตุ จึงได้พาหมู่คณะขุดขึ้นมาปรับปรุงถ้ำใหม่ อัญเชิญพระแม่เจ้าจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัยนคร พร้อมด้วยราชโอรส พระเจ้ามหันตยศ และพระเจ้าอนันตยศ เป็นประธานสร้างพระพุทธรูปทับปากถ้ำ 1 องค์ พอสร้างมาถึงพระพักตร์ ไม่รู้จะเอาแบบไหนกันดี พระอินทร์รู้ด้วยญาณจึงแปลงกายเป็น "ชีปะขาว" มารับอาสาช่วยสร้าง ได้เอาแก้วมรกตสีเขียวที่นำมาด้วยบรรจุในพระเนตรทั้งสองข้างของพระพุทธรูป ประชาชนในท้องถิ่นนั้นจึงได้ขนานนามว่า “พระเจ้าตาเขียว” จนปัจจุบัน