ประจวบคีรีขันธ์ - ลูกจ้างสาวสำนักงานจังหวัดประจวบฯ โกงเงินหลวง 40 ล้าน รอดคุกอีกรอบ หลังอัยการคดีทุจริตภาค 7 เลื่อนฟังคำสั่งฟ้องปลายเดือน ก.พ.
จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี อดีตพนักงานราชการ สำนักงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS เข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิด 165 ครั้ง
เพื่อนำเงินไปเล่นพนันออนไลน์ ต่อมา พนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม มีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังจากเรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 เนื่องจากพนักงานอัยการยังไม่รับฟ้องคดี หลังครบกำหนดฝากขัง 7 ผลัด รวม 84 วัน ทำให้ น.ส.ขนิษฐา ได้รับการปล่อยตัวนานกว่า 4 เดือน
วันนี้ (26 ม.ค.) พ.ต.อ.เสมอ อยู่สำราญ ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้นำผู้ต้องหา 3 รายไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการคดีทุจริตฯ เพื่อฟังคำสั่งฟ้องต่อศาลคดีทุจริตภาค 7 ประกอบด้วย น.ส.ขนิษฐา ซึ่งให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา น.ส.สายพิณ ดิบดีพร้อม มารดา น.ส.ขนิษฐา และนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ หัวหน้างานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัด ถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ล่าสุด ยืนยันว่าคดีนี้พ้นจากอำนาจของพนักงานสอบสวนแล้ว หลังพนักงานอัยการรับสำนวน ขณะที่พนักงานอัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้อง ซึ่งอาจจะเลื่อนฟังคำสั่งไปในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จากสถานการณ์โควิด-19 และอาจจะรอการพิจารณาสำนวนให้เสร็จสมบูรณ์ หรืออาจจะขอข้อมูลเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวนในภายหลังอีกหากยังมีข้อสงสัย
นายสุวรรณ ทองกรอย ประธานสภาทนายความ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะทนายจำเลยของที่ 2 น.ส.สายพิณ ดิบดีคุ้ม กล่าวว่า หลังจากพนักงานอัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้องทั้ง น.ส.ขนิษฐา และมารดา ยังไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกันตัว โดยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป จนกว่าพนักงานอัยการจะมีคำสั่งภายปลายเดือน ก.พ.64
จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้การสอบสวนทางวินัยเพื่อเอาผิดกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องข้องประกอบด้วยหัวหน้าสำนักงานจังหวัด หัวหน้างานการเงินและเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องยังไม่มีความคืบหน้า และทราบว่าคณะกรรมการสอบสวนจากกระทรวงมหาดไทย อาจจะต้องสอบสวนใหม่ โดยไม่นำผลการสอบสวนเดิมทั้งหมดไปพิจารณาด้วยเหตุผลบางประการ หลังจากคณะกรรมการระดับจังหวัดที่มีปลัดจังหวัดเป็นประธานมีผลสรุปว่า ผู้เกี่ยวข้องความผิดวินัยร้ายแรงจากความประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ปัจจุบันกระบวนสรุปผลการสอบสวนล่าช้าผิดปกติ
"ได้แจ้งให้ฝายกฎหมายร่างคำร้องเพื่อขอให้ ป.ป.ช.สอบสวนคณะกรรมการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ภายหลังได้รับการแต่งตั้งจากปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่ามีเจตนาประวิงเวลาในการสอบสวนการทุจริตครั้งนี้ หรือมีเจตนาช่วยเหลือข้าราชการรายใดหรือไม่ หลังจากมีผลสรุปการสอบสวนของจังหวัดอย่างชัดเจน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดสรุปผลการสอบสวนทางวินัยและทางละเมิดเพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้รัฐโดยเร็ว และชี้แจงข้อเท็จจริงกับประชาชน ก่อนจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2564" จ่าเอกเสกสรร กล่าว