ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เผยไทยพบติดเชื้อ 187 ราย เสียชีวิต 2 ราย ชี้บ่ายนี้สมุทรสาครตัวเลขอาจพุ่งถึง 800 กว่าราย จากค้นหาเชิงรุกวันละหมื่น ยัน รพ.สนามรองรับผู้ป่วยเพียงพอ
วันนี้ (25 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 187 ราย เป็นติดเชื้อในประเทศ 177 ราย โดยมาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 61 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 116 ราย ในจำนวนนี้เป็นการค้นหาเชิงรุกใน จ.สมุทรสาคร 113 ราย กทม. 2 ราย และระยอง 1 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 10 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 13,687 ราย หายป่วยสะสม 10,662 ราย อยู่ระหว่างรักษา 2,713 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 2 ราย โดยเป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 61 ปี เดินทางมาจากอังกฤษและถึงไทยวันที่ 25 ธ.ค. เข้าสถานกักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี จากนั้นวันที่ 28 ธ.ค.มีอาการป่วยเมื่อยกล้ามเนื้อ วันที่ 29 ธ.ค.ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 30 ธ.ค.มีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น ระยะแรกผู้ป่วยปฏิเสธใช้ท่อช่วยหายใจ ต่อมาวันที่ 9 ม.ค.อาการหนักมากขึ้น ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ อาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตในวันที่ 24 ม.ค. ส่วนอีกรายเป็นหญิงไทย อายุ 56 ปี เป็นชาว จ.สมุทรสงคราม มีโรคหลอดเลือดสมองอักเสบ ไม่ได้ไปพื้นที่เสี่ยง ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน แต่สามีมีอาชีพส่งปลาที่ตลาดทะเลไท จ.สมุทรสาคร ซึ่งสัมผัสผู้ค้าอาหารทะเล โดยวันที่ 21 ม.ค.ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ ต้องนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ มีภาวะหัวใจหยุดเต้น แพทย์ทำการกู้ชีพผู้ป่วยไม่ตอบสนอง และเสียชีวิตในวันที่ 21 ม.ค. แต่ทั้งนี้ ทีมแพทย์สงสัยเนื่องจากมีประวัติเสี่ยงสัมผัสจึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ผลออกมาวันที่ 24 ม.ค.ว่าติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 99,768,218 ราย เสียชีวิต 2,138,942 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 24-25 ม.ค. มีจังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเหลือ 7 จังหวัด แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมแนวโน้มผู้ติดเชื้อตัวเลขยังขึ้นๆ ลงๆ บางช่วงยอดกราฟค่อนข้างแหลม สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ในส่วนของ จ.สมุทรสาคร ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสม 5,480 ราย สำหรับมาตรการของสัปดาห์นี้ของ จ.สมุทรสาคร และทั่วประเทศจะเข้มข้นขึ้น จะมีการระดมสรรพกำลังทั้งจากในและนอกพื้นที่เพื่อค้นหาเชิงรุกในชุมชน หอพัก สถานประกอบการ โรงงานขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ อาจจะขอกำลังจากแพทย์ทหารเข้าไปช่วย การค้นหาเชิงรุกในสัปดาห์นี้จะทำให้ได้วันละ 10,000 หมื่นราย หมายความว่าจะเจอผู้ติดเชื้อที่ค่อนข้างสูง โดยบ่ายวันเดียวกันนี้ อาจจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อถึง 800 กว่าราย ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมมาตรการรองรับที่ จ.สมุทรสาครไว้แล้ว ขณะนี้มีโรงพยาบาลสนามที่เปิดใช้การได้แล้ว 1,091 เตียง
ขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครรายงานว่า ในวันที่ 26 ม.ค.จะเปิดอีก 400 เตียง และวันที่ 29 ม.ค.นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)จะเปิดอีก 1,000 เตียง และยังมีการเสนอให้โรงงาน สถานประกอบการใช้เป็นโรงพยาบาลสนามอีก 2,000 เตียง รวมแล้วจะมี 3,000 เตียง ซึ่งการพบผู้ติดเชื้อหลายร้อยรายเป็นไปตามแผนที่เราคาดการณ์ไว้ ยืนยันว่าเราพร้อมรับมือสถานการณ์นี้ได้ นอกจากนี้ ขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่สามารถไปติดต่อในการเก็บตัวอย่างผู้ที่เราต้องการคัดกรอง เพื่อจะทำให้การตั้งเป้าหมายค้นหาเชิงรุก 10,000 รายต่อวันเป็นไปได้มากขึ้น
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า จากวันนี้เป็นต้นไปมาตรการผ่อนคลายจะพิจารณาอย่างละเอียด โดยนำข้อมูลมาประเมินเพื่อคลายล็อก ซึ่งบางจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และ ศบค.ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวางแผนมาตรการคลายล็อก ในสัปดาห์นี้แต่ละวันจะเห็นมาตรการคลายล็อกออกมา บางจังหวัดอาจจะมีการผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนบางพื้นที่ที่ยังเป็นสีแดงจะมีการเข้มข้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญ เพราะทุกคนได้ร่วมมือและทำให้ตัวเลข 1 เดือนที่ผ่านมายังอยู่ในช่วงที่เราประมาณการ ก็จะทำให้มาตรการผ่อนคลายเกิดขึ้นได้มาก แต่หากมีมาตรการผ่อนคลายแล้ว ทุกคนยังต้องการ์ดสูงช่วย
เมื่อถามว่า ผู้ปกครองหลายคนต้องการความชัดเจนเรื่องการเปิดเรียน ศบค.จะมีแนวทางหรือให้คำแนะนำได้อย่างไร เนื่องจากจะมีกำหนดเปิดในวันที่ 30 ม.ค.จะสามารถทำได้หรือไม่ พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ผู้ปกครองหลายคนมีความเห็นที่แตกต่าง บางส่วนเป็นห่วงการติดเชื้อเพราะตัวเลขยังไม่นิ่ง จึงอยากให้ปิดไปก่อน แต่อีกบางส่วนเห็นว่าว่าการเรียนออนไลน์นั้นยากลำบาก ผู้ปกครองต้องทำงาน ไม่มีเวลาดูแล ซึ่ง ศบค.รับทุกความเห็นมาพิจารณา โดยใช้ข้อมูลของสาธารณสุขและพื้นที่เป็นหลัก รวมถึงทำงานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อหามาตรการที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละพื้นที่ ในส่วนของทางสถาบันการศึกษาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ติดตามตัวเลขอย่างใกล้ชิด ถ้าตัวเลขประมาณการไม่หลุดไปกว่านี้อาจจะให้มีการเปิดเรียนในเร็ววัน แต่อาจไม่พร้อมกัน ซึ่งต้องย้ำว่าจะเปิดเรียนไม่พร้อมกัน เพราะบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงอาจจะต้องเปิดเรียนช้า ส่วนบางพื้นที่ที่เป็นสีเขียวจะอาจจะมีข่าวดีในช่วงนี้ ขอให้ติดตาม