แพร่ - “อ่างฯ แม่แคม เมืองแพร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ” ส่อบานปลาย หลังชลประทานทำผิดขั้นตอนเวนคืน แถมไม้สักทอง-กระยาเลยที่ธรณีสงฆ์หายเกลี้ยง ล่าสุดยังไร้ข้อยุติ ชป.เสนองบชดเชย วัดจ่อขอพึ่งพระบารมีถวายฎีกา ร.๑๐
ความคืบหน้ากรณีชลประทานเริ่มเข้าดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พื้นที่หมู่ 7 ต.สวนเขื่อน อ.เมืองแพร่ มาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงขณะนี้ปี 2564 การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 58% แต่นอกจากชาวบ้านเจ้าของที่ดินบางส่วนที่ใช้ในการสร้างเขื่อนยังไม่ได้ค่าเวนคืนที่ดินแล้ว ในส่วนของที่ธรณีสงฆ์ 2 แปลงที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของวัดแม่แคมก็ยังไม่มีการทำผาติกรรมตามขั้นตอนกฎหมายที่ถูกต้อง
ไม่เพียงเท่านั้น..ไม้สักทอง ไม้กระยาเลย รวมทั้งต้นไม้ผลที่เคยมีอยู่บนที่ธรณีสงฆ์รวมกว่า 500 ต้น ยังถูกโค่นล้มหมดเกลี้ยงโดยไม่มีการแจ้งเจ้าของพื้นที่ อีกทั้งยังมีคนนำไม้สักทอง ไม้กระยาเลย ไปใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ทำตามกฎหมายการตัด ชักลาก และแปรรูปแต่อย่างใด
หลังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่เข้ามาเป็นตัวกลางประสานหาแนวทางแก้ปัญหาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาเพื่อให้การสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคมเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งพระครูสุนทรวรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดแม่แคม ได้แต่งตั้งผู้ดำเนินการแทน คือ นายพิทักษ์ชัย รักสุข เข้าทำหน้าที่ทวงคืนความถูกต้องแทนเจ้าอาวาส เพื่อให้การสร้างอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปร่งใส เกิดความสง่างามในการดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ท่าน
นายพิทักษ์ชัย รักสุข ได้นำปัญหาดังกล่าวเข้าสู่การเจรจาภายใต้การประสานงานและดำเนินการโดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ มีการนัดหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาทางออกในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 และวันที่ 8 มกราคม 2564 ซึ่งก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยการประชุมครั้งล่าสุดกรมชลประทานได้ส่งรายงานเข้ามายังศูนย์ดำรงธรรมยืนยันการทำงานเป็นไปตามระเบียบ ส่วนต้นไม้ที่ถูกตัดและหายไป ไม่ใช่หน้าที่ของกรมชลประทานที่จะรับผิดชอบ จึงมีการนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 20 ม.ค. 64 ที่จะถึงนี้
และก่อนที่จะถึงวันนัดหมาย (20 ม.ค.) ศูนย์ดำรงธรรมได้เข้าไกล่เกลี่ยและหาข้อเท็จจริงต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 13 และ 15 ม.ค. มีตัวแทนจากกรมชลประทาน คือ นายธนพงษ์ พงษ์วิกรมวัฒน์ หัวหน้าควบคุมโครงการชลประทาน ที่ 4 สร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคม เข้าร่วมโต๊ะเจรจาพูดคุยนอกรอบที่วัดแม่แคม
การประชุมครั้งนี้มีแนวทางในการปฏิบัติเพื่อหาข้อยุติ คือ โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคม พร้อมที่จะดำเนินการทำผาติกรรม ซึ่งจะมีงบประมาณในการเวนคืนและงบประมาณในการขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่รวม 500,000 บาท ส่วนไม้ที่หายไปโครงการชลประทานจะประสานงานกับผู้ที่นำไม้มีค่าและทรัพย์สินของทางวัดไป ให้นำกลับคืนโดยคิดเป็นมูลค่ารวม 200,000 บาท พร้อมทั้งงบประมาณในการเยียวยาอีก 300,000 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท ที่จะถวายวัดแม่แคม
ซึ่งพระครูสุนทรวรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดแม่แคม ได้แสดงเจตนาในการทำผาติกรรม คือการสร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่าทดแทนด้วยตัวเงิน คือการหาที่ดินที่เหมาะสม จำนวน 5 ไร่ มาแทนที่ดินวัดที่ต้องสูญเสียไป ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในการทำผาติกรรมและสัญญาการเวนคืนให้เกิดข้อยุติ
แต่ล่าสุดพระครูสุนทรวรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดแม่แคม มองว่าการยอมรับในข้อตกลงดังกล่าวจะถูกครหาว่าเห็นแก่เงิน จึงมีความคิดเห็นและแนวทางที่จะขอพึ่งพระบารมีขอถวายฎีกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ รายงานเรื่องราวต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดยวัดไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
เพราะการกระทำที่ผ่านมาวัดไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการทำผิดขั้นตอน แต่เกิดจากกรมชลประทานที่ไม่มองตัวบทกฎหมาย และถ้าปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไปจะยิ่งส่งผลกระทบสร้างความเข้าใจผิด เกิดความเกลียดชังระหว่างประชาชนกับวัดแม่แคม จนเกิดความทุกข์ร้อนไปทั่วหน้า
พระครูสุนทรวรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดแม่แคม ยังคงยืนยันในเจตนารมณ์ที่จะแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการสนับสนุนให้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และต้องการให้การทำงานสร้างอ่างเก็บน้ำไม่เกิดปัญหา ให้เป็นอ่างเก็บน้ำที่ดีและมีความสง่างาม มีชื่อเสียงของจังหวัดแพร่ต่อไป