บุรีรัมย์ - พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ค้านประกันตัว 4 โจ๋รุมทำร้าย “แบงค์” รองแชมป์นักเต้นฮิปฮอประดับโลกปางตายคาร้านอาหาร พร้อมประสาน รพ.ตรวจเชื้อโควิด-19 ก่อนส่งฝากขังและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อห้องขังและโรงพัก เหตุ 3 ผู้ต้องหามาจากพื้นที่เสี่ยง ด้านแม่โจ๋ผู้ก่อเหตุยอมรับลูกผิดและถูกโซเชียลฯ รุมด่ายับ
วันนี้ (30 ธ.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 4-5 คน ร่วมกันรุมทำร้ายร่างกาย นายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือแบงค์ อายุ 23 ปี หนุ่มหน้าตาดีชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เคยเป็นตัวแทนนักกีฬาของประเทศไทยไปแข่งเต้นในหลายประเทศ ล่าสุด เมื่อปี 2561 ได้คว้ารางวัลเหรียญเงิน รองแชมป์โลกประเภทนักเต้น Hip Hop Doubles ที่ประเทศโปแลนด์ ด้วยการกระทืบเตะต่อย ใช้ขวดตีศีรษะ และเก้าอี้ฟาดซ้ำหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกะโหลกศีรษะร้าว ขณะไปนั่งรับประทานอาหารกับพี่ชายที่ร้านแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย เมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ธ.ค. 63) ญาติได้พาวัยรุ่นทั้ง 4 คนที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายนพรัตน์เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละหานทราย หลังถูกออกหมายจับและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าติดตามกดดันอย่างหนักนั้น
ล่าสุดวันนี้ ร.ต.อ.อนุสรณ์ ศรีพรหม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ละหานทราย ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย นายวรพล กงค์ประโคน หรือมอส อายุ 23 ปี, นายวิกรม กงค์ประโคน หรือกล้า อายุ 22 ปี เป็นพี่น้องกัน, นายอนุชา ทองโปรด หรือตาล อายุ 20 ปี และสนธยา กงทอง หรือโจ อายุ 22 ปี เพื่อประกอบสำนวนคดี โดยทำการแยกสอบทีละคน ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จก็ประสานทางโรงพยาบาลมาทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากมีผู้ต้องหา 3 คนเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมกันนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่จากเทศบาล ต.ละหานทรายมาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามจุดต่างๆ ภายในโรงพักด้วยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19
ขณะที่ญาติของผู้ต้องหาได้เดินทางมาเยี่ยมที่โรงพัก โดยนางนิตยา แม่ของนายอนุชา หรือตาล หนึ่งในผู้ต้องหา บอกว่า ที่พาลูกชายมามอบตัวเพราะไม่อยากให้ลูกหลบหนีอยากให้ยอมรับในสิ่งที่ทำ แต่ลูกชายก็ยืนยันกับตำรวจ และบอกกับตนเองว่าวันเกิดเหตุได้ไปเที่ยวและอยู่ในเหตุการณ์จริงแต่ไม่ได้ร่วมลงมือทำร้ายด้วย ช่วงที่ชุลมุนลูกชายกำลังจีบสาวอยู่ที่โต๊ะ แต่ต้องยอมรับเพราะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งตนไม่ได้เข้าข้างลูกผิดก็ว่ากันไปตามผิด
ตนรู้สึกเสียใจและตั้งใจจะไปเยี่ยมคนเจ็บและขอโทษครอบครัวผู้บาดเจ็บด้วย เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ถ้าลูกของตนถูกทำร้ายก็ต้องรู้สึกเหมือนกัน ซึ่งตนไม่ได้อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ บอกลูกว่าเมื่อไหร่ที่เป็นพ่อแม่คนแล้วจะเข้าใจว่ามันทุกข์และเจ็บปวดแค่ไหน ยอมรับว่าตอนนี้ถูกญาติของผู้บาดเจ็บรวมถึงโซเชียลมีเดียรุมด่าแบบเสียหาย เสียใจแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร อยากให้สังคมเข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้ลูกเป็นแบบนี้
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส” โดยเบื้องต้นได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวนเพราะเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะทำเรื่องส่งฝากขังศาลจังหวัดนางรองช่วงบ่าย