เชียงใหม่ - แม่ทัพภาคที่ 3 ควงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และผู้ว่าฯเชียงใหม่ ลงพื้นที่ชายแดนแม่อาย ตรวจติดตามการสกัดกั้นต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ยืนยันไม่มีเล็ดลอด ขณะที่กรณีสาวอยุธยาติดโควิด-19 ปิด 3 ตำบล สแกนละเอียดยิบ ยังไม่พบคนติดเชื้อ เตรียมคลายล็อกแล้ว ชี้เจ้าตัวยังปิดบังข้อมูลบางอย่าง
วันนี้ (23 ธ.ค. 63) พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังผสมทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของกลุ่มแรงงานต่างด้าวในพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
โดยได้ตรวจเยี่ยมการตั้งจุดตรวจบูรณาการของเจ้าหน้าที่บนถนนสายแม่อาย-แม่จัน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศจำกัดการเดินทางเข้าออกของประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอแม่อาย คือ ตำบลแม่อาย, ตำบลมะลิกา และตำบลท่าตอน ห้ามประชาชนออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากพบหญิงสาวชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางกลับจากอำเภอแม่อาย แล้วตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่ยึดแนวทางล็อกดาวน์พื้นที่อย่างเข้มงวด
จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ไปตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ลานอเนกประสงค์เทศบาลตำบลแม่อาย ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยไปเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ตำบลแม่อาย เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการเชิงรุกเป็นวันที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ทำการเก็บตัวอย่างตรวจคัดกรองประชาชนในตำบลท่าตอน และตำบลมะลิกา ไปแล้วรวม 531 คน ผลเป็นลบทั้งหมด
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ยืนยันว่า ไม่มีกลุ่มแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผ่านแนวชายแดนด้านจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายอย่างแน่นอน เพราะทางกองกำลังผาเมือง มีการเสริมกำลังเฝ้าระวังและลาดตระเวนสกัดกั้นอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า ทางตำรวจมีการตั้งด่านสกัดตามเส้นทางในเขตตัวเมืองชั้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และ แม่ฮ่องสอน รวมทั้งสิ้น 17 จุด เพื่อสกัดกั้นไม่ให้แรงงานงานต่างด้าวหลุดรอดเข้าไปในเขตตัวเมืองอย่างเด็ดขาด
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า หากผลการตรวจคัดกรองประชาชนไม่พบผู้ติดเชื้อก็จะคลายล็อกให้ประชาชนใน 3 ตำบลของอำเภอแม่อาย ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสอบสวนไทม์ไลน์ของหญิงสาวชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างละเอียดอีกครั้ง ว่า ไปรับเชื้อมาจากใด เพราะเจ้าตัวน่าจะยังปกปิดข้อมูลบางอย่างอยู่