เชียงใหม่ - เชียงใหม่ยันชัดพื้นที่ยังปลอดภัยไร้โควิด-19 ทั้งกรณีเชื่อมโยงสมุทรสาคร และกรณีผู้ป่วยอยุธยาที่กลับจากแม่อาย เผย ลุยตรวจกลุ่มเสี่ยงแล้ว 979 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด ตรวจเพิ่มอีก 588 ราย อยู่ระหว่างการรอผล โดยพรุ่งนี้ (24 ธ.ค. 63) เตรียมคืนพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอแม่อาย กลับสู่ภาวะปกติแล้ว
ช่วงเย็นวันนี้ (23 ธ.ค. 63) ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงถึงสถานการณ์การสอบสวนโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งกรณีที่มีการระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และกรณีผู้ที่อาศัยในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งดำเนินการควบคุมไม่ให้สถานการณ์ลุกลามในพื้นที่ของเชียงใหม่ ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา ประการแรกได้มีการเร่งค้นหากลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ ตลาด ห้องเย็น ซึ่งอาจรับสินค้ามาจากสมุทรสาคร รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าว อีกทั้งพื้นที่ 3 ตำบลในอำเภอแม่อาย ได้แก่ ตำบลแม่อาย ตำบลมะลิกา และ ตำบลท่าตอน
โดยในการค้นหาว่ามีผู้ติดเชื้อหรือไม่ ได้ดำเนินการค้นหาในแหล่งที่สำคัญ ดังนี้ วันที่ 21 ธ.ค. 63 ได้สุ่มตรวจย่านตลาดคำเที่ยง และย่านป่าแพ่ง รวมทั้งในพื้นที่อำเภอแม่อาย ยอดตรวจรวมทั้งสิ้น 376 ราย วันที่ 22 ธ.ค. 63 ได้สุ่มตรวจบริเวณตลาดเมืองใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งที่คาดว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุดของเชียงใหม่ และตรวจในพื้นที่อำเภอแม่อาย ต่อเนื่อง รวมยอดตรวจทั้งสิ้น 603 ราย รวม 2 วัน ยอด 979 ราย ผลตรวจทั้งหมดเป็นลบ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ จ.เชียงใหม่
ขณะที่ในวันนี้ (23 ธ.ค. 63) ได้มีการลงพื้นที่สุ่มตรวจในชุมชนอุ่นอารีย์ ชุมชนบ้านท่อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการแจ้งว่ามีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยในพื้นที่เป็นจำนวนมาก สุ่มตรวจได้ 153 ราย รอผลการตรวจที่จะทราบในคืนนี้ ส่วนในพื้นที่อำเภอแม่อาย ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการลงพื้นที่สุ่มตรวจ สามารถดำเนินการได้จำนวนทั้งสิ้น 435 ราย ซึ่งรอผลตรวจในคืนนี้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า มีมาตรการเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักเรื่องการป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย 100% เว้นระยะ หมั่นล้างมือ และมีการใช้แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” เมื่อเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการวางแผนตรวจในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ รวมทั้งสิ้น 10 จุด ในเบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลาในการเอกซเรย์พื้นที่เสี่ยงทั้งชุมชนต่างด้าว ทั้งตลาดสดต่างๆ อีกราว 1 สัปดาห์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับกรณีอำเภอแม่อายนั้น นายแพทย์จตุชัย กล่าวว่า มีการตั้งสมมติฐานว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยุธยานั้น น่าจะมีการรับเชื้อจากในพื้นที่ ซึ่งในสถานการณ์ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีผู้ติดเชื้อซ่อนเร้นในอำเภอแม่อายว่ามีจำนวนเท่าใด จังหวัดได้วางแผนตรวจค้นหาโควิด-19 ทั้ง 3 ตำบลภายใน 3 วัน โดยระดมบุคลากรจากทั้งอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอไชยปราการ อำเภอแม่อาย และอำเภอฝาง เข้าพื้นที่ทำการสุ่มตรวจ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค
โดยในระหว่างการดำเนินการค้นหาผู้ป่วยซ่อนเร้นนั้นได้ขอให้มีการชะลอการเดินทางเข้าออกในพื้นที่ 3 ตำบล เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค แต่การใช้ชีวิตในพื้นที่ยังคงเป็นปกติ ซึ่งย้ำว่าไม่ใช่การล๊อคดาวน์ และวันนี้ (23 ธ.ค. 63) เป็นวันที่ 3 และเป็นวันสุดท้ายในการตรวจค้นหาแล้ว หลังจากนั้น ในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค. 63) จะมีการคืนพื้นที่ให้ทั้ง 3 ตำบล สามารถเดินทางเข้าออกและใช้ชีวิตได้โดยปกติแล้ว
ด้าน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เป็นไปด้วยดีจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งยืนยันว่า พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังมีความปลอดภัยสูงจากสถานการณ์โควิด-19 และเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติการตามมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเชื่อมั่นได้
อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือนายจ้างและลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นผู้ใช้แรงงานและเคยเดินทางติดตามนายจ้างไปในพื้นที่ต่างๆ หากว่ากลับเข้ามาสู่จังหวัดเชียงใหม่ ขอให้แจ้งหรือรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อช่วยกันตรวจตราเฝ้าระวัง ตรวจสุขภาพให้กับทุกคนเพื่อจะได้มั่นใจว่าปลอดจากโควิด-19 ซึ่งมีการแพร่ระบาดอยู่ในหลายๆ พื้นที่ และขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพ ป้องกันตัวเองตามมาตรการทางสาธารณสุขด้วย.