xs
xsm
sm
md
lg

ญาติโพสต์โวย จนท.เปล รพ.สารภี กระชากแขนตาผู้ป่วยวัย 83 ย้ายเตียงเป็นแผลเหวอะ-ผอ.ขอโทษพร้อมสั่งย้ายเป็นคนสวน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ญาติโพสต์เดือดโวย จนท.เปล รพ.สารภี สุดชุ่ย เคลื่อนย้ายคุณตาวัย 83 ปี ผู้ป่วยเบาหวานที่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ด้วยการกระโดดขึ้นบนเตียงอย่างใส่อารมณ์แล้วกระชากแขนลากใส่เตียงรถเข็นเพื่อย้ายห้องจนทำเป็นแผลเหวะที่มือ ขณะที่ ผอ.โรงพยาบาล ทราบเรื่องเข้าพบญาติขอโทษแสดงความเสียใจและรับผิดชอบทันที พร้อมสั่งย้ายผู้ก่อเหตุไปทำงานสวน ย้ำเป็นข้อบกพร่องส่วนบุคคล


รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 63 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “New Rachanimook” โพสต์ภาพพร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวว่า ได้พาคุณตาที่เป็นสูงอายุ แทบจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยระหว่างที่จะเคลื่อนย้ายคุณตาจากหอผู้ป่วยรวมไปห้องพิเศษ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เปลที่มาทำการรับตัว ได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างยิ่งด้วยการกระโดดขึ้นบนเตียงคนไข้อย่างมีอารมณ์แล้วดึงแขนคุณตาให้ลุกขึ้นและย้ายขึ้นเตียงรถเข็น ทำให้คุณตาเกิดแผลผิวหนังฉีกยาวที่มือซ้าย โดยที่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่ได้กล่าวคำขอโทษเลย 

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวระบุว่า “เป็นสันดานหรือไปโกรธใครมา ทำงานบริการยังไง? มาใช้อารมณ์ใส่คนไข้ มีหน้าที่เอาเตียงมารับไปห้องพิเศษ แต่ตาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บอกให้ค่อยๆ ขยับ ย้ายเองไม่ได้ต้องมีคนมาช่วย แต่กระโดดขึ้นเตียงมาดึงแขนคนไข้ให้ลุก ดึงจนหนังฉีกเลือดออก สรุปเป็นแผลใหญ่ แล้วใครรับผิดชอบ ใส่อารมณ์ ทำเหมือนคนไข้เป็นหมูเป็นหมา คำขอโทษไม่มี ถ้าเป็นพ่อเป็นแม่คุณล่ะ โรงบาลสารภี !!!! แทนที่มาโรงพยาบาลจะหาย กลับมาได้แผล” ซึ่งโพสต์นี้มีผู้แชร์และเข้าไปแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ตำหนิการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุ


วันนี้ (10 ธ.ค. 63) จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “New Rachanimook” คือ “น้องนิว” รชนิมุก พงษ์เทพ อายุ 28 ปี ผู้เป็นหลานตาของคุณตาผู้ป่วย ซึ่งเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวพร้อมกับนางยุพา พงษ์เทพ อายุ 55 ปี คุณแม่ ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงบ่ายวานนี้ โดยพาคุณตาอายุ 83 ปี ที่ป่วยเป็นเบาหวานแทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มารักษาตัวซึ่งต้องเข้ารักษาตัวเช่นนี้ที่โรงพยาบาลสารภีมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในช่วงเกิดนั้นระหว่างที่คุณตานอนพักรออยู่ที่หอผู้ป่วยรวมเพื่อรอห้องพิเศษ ต่อมาเจ้าหน้าที่เปลเป็นชายได้เข้ามาคนเดียวเพื่อทำการเคลื่อนย้ายไปห้องพิเศษ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวที่มีท่าทางอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวได้ทำการเคลื่อนย้ายด้วยการกระโดดขึ้นยืนบนเตียงแล้วดึงแขนคุณตาให้ลุกขึ้นและลากใส่เตียงรถเข็นที่นำมาเทียบไว้ด้านข้าง ผลจากการทำเช่นนั้นทำให้คุณตาเป็นแผลฉีกยาวที่มือซ้าย โดยที่ไม่มีการขอโทษแม้แต่น้อย ทำให้ญาติรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะมาใช้บริการที่โรงพยาบาลสารภีตลอด แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงได้นำเรื่องราวโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียเพื่อหวังเป็นอุทาหรณ์และบอกเล่าประสบการณ์


ทั้งนี้ หลังจากที่มีการโพสต์ไปแล้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสารภี และผู้บริหารทราบเรื่อง ได้ติดต่อเข้ามาพูดคุยแสดงความเสียใจและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนำตัวเจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุมากราบขอโทษแล้วด้วย ขณะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้มีการเข้ามาพบและพูดคุยแสดงความเสียใจและขอโทษด้วยตัวเอง รวมทั้งแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับการดูแลรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายให้คุณตาทั้งหมด พร้อมรับปากที่จะดำเนินการสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นจะมีการย้ายให้ไปทำงานในหน้าที่อื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน โดยจากการพูดคุยและแสดงความรับผิดชอบทั้งหมดนี้ ทางครอบครัวและญาติรู้สึกพึงพอใจ ตลอดจนเข้าใจดีด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการกระทำหรือข้อบกพร่องส่วนบุคคล ไม่ใช่ความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของโรงพยาบาลแต่อย่างใด ซึ่งเตรียมที่จะลบโพสต์ดังกล่าวออกให้ด้วยเพื่อชื่อเสียงของโรงพยาบาล ส่วนอาการของคุณตานั้นต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน เพราะอาการป่วยเบาหวาน และแผลที่อาจจะหายค่อนข้างช้า แต่มีแพทย์พยาบาลคอยดูแลอย่างดี


ด้านนายแพทย์จรัส สิงห์แก้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสารภี เปิดเผยว่า เมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้นวานนี้ (9 ธ.ค.) และได้สั่งการให้ผู้บริหารโรงพยาบาลเข้าพบผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อขอโทษและแสดงความรับผิดชอบทันที เนื่องจากตัวเองติดปฏิบัติภารกิจสำคัญ จากนั้นในช่วงเที่ยงวันนี้ได้เข้าพบผู้ป่วยและครอบครัวด้วยตัวเองอีกครั้ง โดยได้แสดงความเสียใจขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลแสดงความรับผิดชอบทุกอย่างด้วยการจ่ายค่าห้องพิเศษ และค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ป่วยจนหายดี รวมทั้งการรับผิดชอบตามกฎหมายในเรื่องความผิดพลาดจากการรักษาด้วย สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นทราบว่าถูกร้องเรียนในลักษณะเดียวกันนี้ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งตามบุคลิกแล้วดูว่าจะไม่เหมาะกับการทำงานให้บริการ และตามข้อเรียกร้องของครอบครัวและญาติผู้ป่วย ตัวเองได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รายนี้ไปฏิบัติหน้าที่ในส่วนงานอื่นแทนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน โดยจะให้ไปทำงานสวน และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและลงโทษตามระเบียบราชการต่อไป ซึ่งจากการพูดคุยกับครอบครัวและญาติได้อข้อสรุปร่วมกันด้วยดี และเข้าใจดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องส่วนบุคคล โดยจะมีการเน้นย้ำให้บุคลากรทุกคนปฏิบัติงานด้วยดีเพื่อให้ประชาชนที่ใช้บริการพึงพอใจที่สุด








กำลังโหลดความคิดเห็น