รอยเตอร์ - สิงคโปร์เผยผู้โดยสารเรือสำราญชมวิวที่ก่อนหน้านี้ตรวจพบติดโควิด-19 และทำให้ต้องกักตัวผู้โดยสารอื่นอีกเกือบ 1,700 คน ล่าสุด ผลตรวจซ้ำออกมาเป็นลบ ขณะที่เกาหลีใต้เร่งสร้างโรงพยาบาลตู้คอนเทนเนอร์ฉุกเฉินเป็นครั้งแรก นับจากที่ไวรัสระบาด หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันปักหลักอยู่แถวๆ 600 คน มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
ผู้โดยสารบนเรือสำราญของรอยัล แคริบเบียน ต้องกักตัวอยู่ในห้องพักนานกว่า 16 ชั่วโมงเมื่อวันพุธ (9 ธ.ค.) หลังจากผู้โดยสารชายวัย 83 ปี ที่ขอพบแพทย์จากอาการท้องร่วง มีผลตรวจหาโควิด-19 เป็นบวก
เมื่อเรือกลับถึงท่าในวันเดียวกัน ผู้โดยสารคนดังกล่าวถูกนำส่งโรงพยาบาลและรับการตรวจอีก 2 ครั้ง ซึ่งไม่พบการติดเชื้อ เช่นเดียวกับการตรวจครั้งที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.) ก่อนที่กระทรวงสาธารณสุขจะแถลงยืนยันว่า ผู้โดยสารผู้นี้ไม่ได้ติดโควิด
แถลงการณ์เสริมว่า ได้ยกเลิกคำสั่งกักตัวผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดที่สัมผัสใกล้ชิดกับชายสูงวัยผู้นั้น ขณะที่รอยัล แคริบเบียน แสดงความยินดีและระบุว่า จะร่วมกับรัฐบาลเพื่อปรับปรุงมาตรการปฏิบัติบนเรือต่อไป
รอยัลแคริบเบียนยกเลิกการให้บริการเรือสำราญชมวิวในวันพฤหัสฯ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ยืนยันว่า โครงการนำร่องในการนำผู้โดยสารล่องเรือชมวิวโดยไม่แวะจอดจะยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผน
การกลับมาให้บริการอีกครั้งในสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการเดินเรือครั้งแรกของรอยัล แคริบเบียนทั่วโลก นับจากที่ต้องระงับการให้บริการทั่วโลกในเดือนมีนาคมจากวิกฤตไวรัส
นอกจากรอยัล แคริบเบียนแล้ว ยังมีเกนติ้ง ครูซ ไลน์ส อีกบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้บริการล่องเรือชมวิว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสิงคโปร์ในการฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโควิด-19
โครงการนำร่องนี้มีมาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด เช่น การคัดกรองก่อนลงเรือ การกำหนดให้ผู้โดยสารต้องสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามผู้สัมผัส สวมหน้ากาก และเว้นระยะห่างทางสังคมตลอดเวลา
คีธ ตัน ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ แถลงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธเป็นบทเรียนอันมีค่า และยังช่วยรับรองว่า สิงคโปร์มีมาตรการรับมือโควิด-19 ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ที่เกาหลีใต้ พัค นึง-ฮู รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวในที่ประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า สถานการณ์การระบาดอยู่ในขั้นวิกฤต ซึ่งความพยายามในการต่อสู้ไวรัสและระบบรักษาพยาบาลใกล้ถึงขีดจำกัดในอีกไม่นานนี้ อย่างไรก็ตาม เขาให้สัญญาว่า จะนำทรัพยากรทั้งหมดที่มีออกมาใช้ และจะจัดการให้ผู้ป่วยหนักได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที
ที่โซล ซึ่งมีประชากร 10 ล้านคน แต่กลับมีเตียงเพียง 3% ที่พร้อมรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก และ 17% สำหรับผู้ป่วยทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่จึงเริ่มสร้างโรงพยาบาลจากตู้คอนเทนเนอร์ที่มีเตียงผู้ป่วยเป็นครั้งแรกนับจากไวรัสเริ่มระบาด และยังมีแผนเพิ่มการตรวจหาผู้ติดเชื้อด้วยการสร้างศูนย์ตรวจชั่วคราว 150 แห่งทั่วโซลและปริมณฑล รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านระบาดวิทยา 50 คน ไปช่วยหาผู้ติดเชื้อใน 25 เขต เพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง 10 คน
พัค ยู-มิ เจ้าหน้าที่กักกันโรคของรัฐบาลโซล เผยว่า จะมีการส่งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรวม 274 คน ไปทำการสำรวจทางระบาดวิทยาตั้งแต่วันศุกร์ (11 ธ.ค.)
ทั้งนี้ สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคดีซีเอ) รายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 682 คนในวันพฤหัสฯ หลังจากจำนวนเคสใหม่เมื่อวันพุธพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งที่ 2 นับจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศเมื่อเดือนมกราคม ด้วยตัวเลข 686 คน แม้สัปดาห์นี้รัฐบาลยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเข้มงวดขึ้นก็ตาม
จำนวนเคสใหม่ปักหลักอยู่แถวๆ 600 คนต่อวันมาตลอดสัปดาห์ที่แล้ว จากการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนกลุ่มเล็กๆ ที่ติดตามยากรอบกรุงโซล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดสองครั้งแรกเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี มุน แจ-อิน เรียกร้องให้จัดซื้อวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาเพิ่มเติม หลังจากรัฐบาลทำข้อตกลงกับบริษัทยาระดับโลก 4 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฉีดวัคซีนให้ประชากร 44 ล้านคน หรือ 60% ของประชากรทั้งหมด