ราชบุรี - ตำรวจป่าไม้บุกตรวจไร่ ‘เขาสน’ เตรียมเอาผิด ด้าน “ทวี ไกรคุปต์” โต้เดือด ให้ถอดเครื่องแบบพูด เผยที่ผ่านมาไม่เคยได้รับจดหมายแจ้งให้มาชี้เขต พร้อมถามกลับหากพื้นที่ดังกล่าวผิดจริงทำไมไม่ดำเนินคดีตั้งแต่ปี 16
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.ประดิษ ชาวพงษ์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.5 บก.ปทส. นำกำลัง พร้อมเจ้าหน้าที่ช่าง บก.ปทส. เจ้าหน้าที่ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขาสวนผึ้ง เจ้าหน้าที่ อบต.ท่าเคย ได้นัดหมายนายทวี ไกรคุปต์ เพื่อให้ร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุ กรณีนายวีระ สมความคิด แจ้งว่าที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุ หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ของนายทวี ไกรคุปต์ มีเอกสารทางที่ดินเป็น น.ส.3
แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายทวี ไม่มาตามนัดโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบแปลงที่ดินตามที่กล่าวถึงได้ โดยนายเฉลิม อินทชาติ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.ราชบุรี สาขาสวนผึ้ง แจ้งว่า หากเจ้าของที่ดินไม่มานำชี้แนวเขตจะไม่สามารถตรวจสอบได้ ตามหนังสือของกรมที่ดิน ที่ มท 0611/ว.12562 ลง 15 กรกฎาคม 2525
นอกจากนี้ นายวัลลภ บังเกิดผล ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปรภาพถ่ายทางอากาศได้ตรวจดูสภาพพื้นที่โดยทั่วไปและจะได้นำพิกัดของที่เกิดเหตุไปแปรภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อดูสภาพที่ดินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า จากการที่ นายทวี ไกรคุปต์ ไม่มานำชี้ที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้มีหนังสือแจ้งไปแล้วหลายครั้ง จึงเป็นเจตนาแสดงว่านายทวี ไม่ประสงค์จะต่อสู้ในประเด็นที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาพนักงานสอบสวนจะได้สรุปสำนวนสอบสวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีต่อไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันเดียวกัน นายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ติดต่อขอชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การที่ตนไม่ได้มานำชี้ที่เกิดเหตุในวันนี้ เนื่องจากไม่เคยได้รับแจ้งหนังสือให้มานำชี้แนวเขตใดๆ ทั้งสิ้น และทางตำรวจบอกว่า ได้แจ้งตนมาหลายครั้งแล้วนั้น คนที่มาพูดน่าจะถอดเครื่องแบบตำรวจนะ เพราะพูดแบบนี้มันเสียหายกับเครื่องแบบตำรวจของเขา เพราะที่พูดมาเป็นเท็จทั้งนั้น
“ตนไม่เคยได้รับแจ้งหนังสือให้มานำชี้แนวเขตใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทราบมาจากข่าวว่า วันที่ 8 นี้ มีหนังสือถึงตนเท่านั้น ตนเองจึงขอหลักฐานการส่งรับหนังสือมาโชว์กันหน่อยว่าที่แจ้งมาหลายครั้งแล้ว ตนบ่ายเบี่ยงไม่มาไม่สนใจไม่สู้คดี จะส่งอัยการฟ้องศาลเลย คนที่พูดอย่างนี้ควรถอดเครื่องแบบตำรวจพูด โดยทั่วไปทุกคดีอย่างนี้ กรมป่าไม้จะเริ่มเป็นตัวหลักที่จะเริ่มตรวจสอบที่ดินบุกรุกป่ายังไงบ้าง แล้วเชิญเจ้าของที่ดินมาร่วมชี้แนวเขต แต่กรณีนี้เห็นจากข่าว มีเจ้าหน้าที่มาในพื้นที่ เกือบจะ 10 ครั้ง มาตรวจที่ดิน โดยตั้ง GPS แต่ไม่เคยแจ้งให้ตนรู้เลย ทั้งที่ตนเป็นเจ้าของที่ดิน ตนต้องตามจากข่าวเอาเอง”
นายทวี ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ก็นำบุคคลอื่นมาชี้ที่ตรงนั้นตรงนี้ แล้วเอาหลักฐานมาเชื่อมโยง โดยทั่วไปต้องแจ้งให้เจ้าของมาชี้ด้วย ถ้าไม่มาตามนัดต้องมีหนังสือยืนยันว่า เหตุผลใดถึงไม่มา ครั้งแรกตรวจบอกตนรุกป่า 700 ไร่ ครั้งที่ 2 มาตรวจสอบบอกมี 1,025 ไร่ และเมื่อวันที่ 23 พ.ย.63 ให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหา แล้ววันที่ 30 พ.ย. ตนเองไปชี้แจงต่อหน้าตำรวจ 10 นาย ในห้องสอบสวน ว่าไม่เคยมีหนังสือมาให้ชี้แนวเขตอะไร ตนเองต้องตามจากข่าว ไม่เห็นมีตำรวจคนใดคัดค้านเลย
สำหรับพื้นที่จาก 700 ไร่ เพิ่มมาเป็น 1,025 ไร่ เพิ่มได้อย่างไร ตนเองอยากจะขอดูเอกสารและแผนผังยืนยัน ส่วนที่วันนี้ตนไม่ได้ไป เพราะไม่ได้รับหนังสือแจ้งให้ไป ตนเองได้ทราบจากข่าวเท่านั้น จึงรีบกลับมาทำหนังสือชี้แจง และมีนัดกับแพทย์ด้วย ตนเองจึงขอนัดชี้แนวเขตเป็นวันที่ 28 ม.ค.64 ซึ่งตนเองมีหนังสือเอกสารสิทธิอยู่ 6 แปลง ประมาณ 150 ไร่ เป็น น.ส.3 ออกในปี พ.ศ.2516 และซื้อมาในปี พ.ศ.2523 รวม 40 ปีแล้ว มีหลักฐานว่าที่ดินที่มีปัญหาไม่ได้เป็นป่า นายอำเภอที่ออกเอกสารสิทธิได้ตรวจสอบแล้ว ตนแองได้ไปดูในเอกสารการขอหนังสือเอกสารสิทธิ น.ส.3 ในปี 2515 ผู้ที่ขอได้ครอบครองมานานแล้ว ซื้อมาจากผู้ที่ปลูกพืชไร่ ได้ทำมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่พื้นที่ป่าสงวน ไม่ใช่พื้นที่หวงห้าม เป็นพื้นที่โล่งเตียน
รวมทั้งพนักงานที่ดินอำเภอ ก็ยืนยันเหมือนกันอย่างนี้ นายอำเภอก็ลงลายมือชื่อในปี 2516 ตนเองจึงซื้อมาในปี 2524 แล้วมาตั้งข้อหาตนครอบครองป่า ตนอยากจะถามสังคม คณะกรรมการสอบสวนกลับไปว่า ทำไมตั้งแต่ปี 2516 คนที่เอาที่ดินแปลงดังกล่าวมาขายให้แก่ตนเองนั้น เอาพื้นที่ป่ามาขายใช่หรือไม่ ทำไมก่อนหน้านี้กรมป่าไม้ถึงไม่มีการดำเนินคดีครอบครองที่ป่า ปล่อยให้เขาเอามาขายให้แก่ตนเอง จึงอยากจะขอความเป็นธรรม เพราะซื้อมาตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปี แล้ว ทำไมก่อนหน้านั้น กรมป่าไม้ อธิบดีกรมป่าไม้ ทำไมไม่ไปไล่จับคนที่บุกรุกป่าตั้งแต่ครั้งแรกว่าครอบครองป่า และเอาที่ป่ามาขาย ทำไมปล่อยล่วงเลยมาตั้งนาน แต่กลับมาแจ้งข้อกล่าวหาว่าตนครอบครองป่าตอนนี้ ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมสำหรับตนเอง