ประจวบคีรีขันธ์ - อัยการคดีทุจริตภาค 7 นัด 26 ม.ค.64 ฟังคำสั่งฟ้องลูกจ้างสำนักงานจังหวัดประจวบฯ โกงเงินหลวง 40 ล้านบาท
จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี อดีตพนักงานราชการ สำนักงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS เข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิด 165 ครั้ง
โดยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่านำเงินไปเล่นพนันออนไลน์ ต่อมา พนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม มีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังที่เรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 เนื่องจากอัยการยังไม่รับฟ้องคดี หลังครบกำหนดฝากขังครั้งละ 12 วัน จำนวน 7 ผลัด รวม 84 วัน ทำให้ น.ส.ขนิษฐา ได้รับการปล่อยตัวนานกว่า 2 เดือน
ล่าสุด วันนี้ (8 ธ.ค.) นายสุวรรณ ทองกรอย ประธานสภาทนายความ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวน ส่งให้พนักงานอัยการแล้วโดยนำผู้ต้องหา 3 รายไปรายงานตัว ประกอบด้วย น.ส.ขนิษฐา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา น.ส.สายพิณ ดิบดีพร้อม มารดา น.ส.ขนิษฐา และนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ หัวหน้างานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัด ซึ่งถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ล่าสุด พนักงานอัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้งหมดจึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
สำหรับตนในฐานะทนายความของ น.ส.สายพิณ ซึ่งให้การปฏิเสธ ได้รับแจ้งว่าพนักงานอัยการนัดรับฟังคำสั่งฟ้องในวันที่ 26 มกราคม 2564 โดยพนักงานสอบสวนจะนำผู้ต้องหาไปรายงานตัว หากวันดังกล่าวพนักงานอัยการทราบว่ามีการตั้งคณะทำงานพิจารณาคดีนี้โดยเฉพาะ ยังไม่สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลเพื่อทำการไต่สวน เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานประกอบสำนวนคดีจำนวนมาก ผู้ต้องหาก็จะได้รับการปล่อยตัวอีกครั้ง
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากจังหวัดส่งรายงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการทุจริต ส่งถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ขณะนี้กระทรวงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางเพื่อสอบสวนทางวินัยกับข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงานจังหวัด หัวหน้างานการเงิน หรือเจ้าหน้าที่รายอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยคณะกรรมการของกระทรวงจะสอบเพิ่มเติมในบางประเด็นก่อนมีผลสรุปว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าข่ายประมาทเลินเล่อมีความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจะสอบสวนทางละเมิดเพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่ทางราชการ
นายพัลลภ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้จะต้องมีผู้ต้องหาเพิ่ม ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงบางราย ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานอัยการจะสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนปัญหาที่มีการตรวจสอบเช็คเบิกจ่ายบางฉบับกับธนาคารแห่งหนึ่ง หากพบมีการลงลายมือชื่อปลอม ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางกฎหมาย หากพบเป็นความผิดจากการทำธุรกรรมการเงินโดยใช้เอกสารปลอมธนาคารจะต้องร่วมรับผิดชอบ และจังหวัดในฐานะผู้เสียหายก็จะต้องไปแจ้งความ ส่วนตัวไม่หนักใจกับคดีนี้ ทุกขั้นตอนเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ สำหรับหัวหน้าสำนักงานจังหวัด กับหัวหน้าการเงินยังไม่ถูกสั่งย้าย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเพิ่มเติม แต่สั่งการให้หัวหน้าการเงินไปทำหน้าที่อื่น