xs
xsm
sm
md
lg

“ยายลัย” ปลื้ม! น้ำตาอาบแก้ม ได้ถ่ายบัตร ปชช.เป็นคนไทยครั้งแรก หลังทุกข์ยากไร้ตัวตนมานาน 65 ปี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศรีสะเกษ - “ยายลัย” ปลื้มน้ำตาไหลอาบแก้ม ได้ถ่ายบัตรประชาชนเป็นคนไทยครั้งแรก หลังรอคอยมานานกว่า 65 ปี และอยู่อย่างไร้ตัวตนไม่ได้รับสวัสดิการใดๆ จากรัฐ เผยจากบ้านเกิดศรีสะเกษไปทำงาน กทม.ตั้งแต่อายุ 14 ปี ไม่เคยกลับบ้าน พี่น้องตายหมด ต้องอยู่ลำพังทุกข์ยากเก็บขยะเลี้ยงชีพไปวันๆ

วันนี้ (7 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ นายสมเกียรติ ศรีขาว นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากนางนงลักษณ์ กิติกาญจน์ อายุ 67 ปี อาสาสมัครช่วยงานสังคมสงเคราะห์ของฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ว่าในช่วงโควิด-19 ระบาด เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา อาสาสมัครกรุงเทพมหานคร และมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ได้สำรวจบุคคลผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ในชุมชนเพื่อให้การช่วยเหลือ และได้พบหญิงชรา วัย 65 ปี ทราบชื่อคือ ยายลัย หรือ น.ส.ลัย จันทจิตร ขณะกำลังทำงานรับจ้างทั่วไปและเก็บขยะขายบริเวณตลาดโกสุม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ด้วยความยากลำบากเพียงลำพัง เป็นคนไทยที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านบาก หมู่ที่ 3 ต.จาน อ.เมืองศรีสะเกษ แต่ไม่เคยมีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีเอกสาร ไม่มีสวัสดิการใดๆ จากภาครัฐแม้แต่อย่างเดียว


จากการสอบถามยายลัยเล่าว่า มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา ทั้งหมด 6 คน ตนเป็นคนสุดท้องปัจจุบันญาติพี่น้องเหลือเพียงตนเพียงคนเดียว ได้จากบ้านเกิดไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพมหานครเมื่อตอนอายุ 14 ปี หรือประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา โดยไม่เคยได้กลับมาบ้านเกิดอีกเลยเนื่องจากไม่มีเงิน และไม่มีเอกสารใดๆ ติดตัวไปด้วย และไม่เคยได้ถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว รวมทั้งญาติไม่สามารถติดต่อได้นับแต่นั้นมา เคยมีสามีไม่ได้สมรส 3 คน ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วทั้งหมด มีบุตร 3 คน เสียชีวิต 1 คน เหลือบุตร 2 คน เป็นหญิง อายุ 40 ปี และชายอายุ 33 ปี ขาดการติดต่อเนื่องจากเร่ร่อนยากจนจึงต้องอยู่ลำพังคนเดียว

โดยขออาศัยอยู่กับบ้านของพี่สาวของสามีทำงานเก็บกวาดตลาดและเก็บขยะขาย บางวันมีเงินติดตัว 20 บาท บางวันไม่มีเงินเลย เมื่อได้เงินมาก็จะซื้อข้าวมาแบ่งกันกินกับแมวที่ตนเลี้ยงอีก 2 ตัว และแบ่งอาหารให้สุนัขข้างบ้านกินอีก 2-3 ตัว ชีวิตลำบากมาก แต่ต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ กระทั่งมีนางนงลักษณ์ และสถานีสัญชาติ มูลนิธิสร้างสรรค์แด็ก มาพบและมาสอบถามให้ความช่วยเหลือประสานงานและพามาติดต่อขอทำบัตรประจำตัวประชาชนที่ อ.เมืองศรีสะเกษดังกล่าว

“รู้สึกดีใจมากที่ได้มีบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือ จากนี้ไปก็ยังคงต้องกลับไปอยู่ที่กรุงเทพมหานครดังเดิม เนื่องจากญาติพี่น้องพ่อแม่ได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว” ยายลัยกล่าว


ด้านนายสมเกียรติ ศรีขาว นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งตนได้เร่งสั่งการให้นายสุรนนท์ นนทา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนราษฎรและงานทะเบียนทั่วไป ดำเนินการตรวจสอบพยานเอกสารหลักฐานและพยานบุคคลจำนวน 5 ปาก เช่น เพื่อนร่วมโรงเรียน เพื่อนพี่ชายซึ่งเป็นประธานสภา อบต. ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีอายุน้อยกว่าแต่จำความได้ เพื่อนบ้าน เป็นต้น ประกอบตนในฐานะนายอำเภอเมืองศรีสะเกษ ได้นำคณะลงพื้นที่ไปตรวจดูสถานที่จริงที่เคยเป็นบ้านเกิดของยายลัย ส่วนพยานเอกสารมีหลายอย่างที่สำคัญ คือ เอกสารการเข้าโรงเรียน ประกอบการตรวจสอบจากข้อมูลทะเบียนราษฎร

จากการสอบสวนพยานบุคคลเชื่อได้ว่า ยายลัยเป็นบุคคลคนเดียวกันกับ ด.ญ.ลัย จันทรจิตร มีชื่อในทะเบียนบ้านแบบเก่า บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 3 ต.จาน อ.เมืองฯ จ.ศรีสะเกษ และได้ถูกจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน ด้วยเหตุไม่มีความเคลื่อนไหวทางทะเบียนราษฎรจึงถูกจำหน่ายชื่อไปอยู่ในทะเบียนบ้านกลาง ต.หนองครก อ.เมืองศรีสะเกษ


ล่าสุดนายทะเบียนอำเภอเมืองศรีสะเกษได้อนุมัติให้คืนรายการชื่อของ น.ส.ลัย จันทรจิตร ในระบบฐานข้อมูลและถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หลังจากรอคอยการมีบัตรประจำตัวประชาชน ใบแรก ถึง 65 ปี และจะได้ดำเนินการขอบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวมถึงสิทธิการรักษาพยาบาลและสิทธิอื่นๆ ที่พึงได้ของรัฐ เพื่อที่จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในฐานะพลเมืองไทย ตามนโยบายของรัฐบาล กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่จะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ต่อไป










กำลังโหลดความคิดเห็น