xs
xsm
sm
md
lg

โดนอีกนับร้อย ผู้สูงอายุถูกหลอกนำบัตร ปชช.แลกซื้อโทรศัพท์ยกหมู่บ้าน เผยต้นเหตุปัญหาร้านขายมือถืออยู่ในตัวอำเภอ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาฬสินธุ์ - พบผู้สูงอายุในตำบลหนองกุงศรีมากกว่า 100 คนโดนใบแจ้งหนี้ทวงค่าซื้อโทรศัพท์ และหนังสือจากสำนักกฎหมายยกหมู่บ้านเข้าคิวลงทะเบียนร้องทุกข์ต่อผู้ใหญ่บ้าน ขณะที่หญิงสาวในหมู่บ้านคนเก็บบัตรประชาชนโผล่แล้วแต่ยันตัวบริสุทธิ์ เรียกร้องเจ้าของร้านขายโทรศัพท์ในตัวอำเภอรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตนกว้านเก็บบัตร ปชช.ส่งร้านแลกค่าจ้าง

จากกรณีผู้สูงอายุบ้านหนองหว้า ม.9 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ รวมตัวร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังได้รับหนังสือทวงหนี้จากสำนักงานกฎหมายของบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เรียกเก็บเงินค่าบริการรายเดือนเฉลี่ยรายละ 3,299 บาท ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ มีแค่เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเท่านั้น จึงไม่มีเงินจ่าย และกำลังจะถูกฟ้องร้องในวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่จะถึง ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น


หลังจากมีข่าวเผยแพร่ออกไปทำให้มีกลุ่มผู้สูงอายุที่ตกเป็นเหยื่อออกมาขอความเป็นธรรมอีกจำนวนมาก ล่าสุด ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านโคกเจริญ หมู่ 10 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี นายคงเดช ภูนพทอง ผู้ใหญ่บ้านโคกเจริญ หมู่ 10 ได้ประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านที่ได้รับใบแจ้งหนี้ทวงค่าบริการโทรศัพท์ และหนังสือจากสำนักกฎหมาย มาลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน ก่อนดำเนินการแก้ไขปัญหาในลำดับต่อไป โดยมีผู้สูงอายุตั้งแต่ 60-70 ปี มาต่อคิวลงชื่ออย่างน้อย 100 ราย

นายคงเดช ภูนพทอง ผู้ใหญ่บ้านโคกเจริญ หมู่ 10 กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเบื้องต้นชาวบ้านหลายคนที่ได้รับหนังสือทวงหนี้ค่าบริการโทรศัพท์เคยมาปรึกษาตนเมื่อประมาณปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งตนและชาวบ้านกลุ่มนี้ได้นำหนังสือทวงค่าโทรศัพท์ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกุงศรีแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีการพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่าหากชาวบ้านเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ถึงแม้จะได้รับใบทวงหนี้ดังกล่าวก็ไม่ต้องตกใจ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะอาจจะเกิดความคลาดเคลื่อนจากต้นทางที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เงียบหายไป ก่อนที่จะมีหนังสือตามทวงหนี้ และจะถูกส่งฟ้องส่งมาถึงชาวบ้านอีกในช่วงนี้


นายคงเดชกล่าวอีกว่า ในส่วนกลุ่มผู้สูงอายุบ้านโคกเจริญที่ได้รับหนังสือทวงหนี้และหนังสือจากสำนักกฎหมายของบริษัทดังกล่าว ระบุจะถูกส่งฟ้องดำเนินคดีในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เหตุไม่ชำระค่าบริการโทรศัพท์จำนวน 3,229 บาท แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหลายหมู่บ้าน ในเขตรอบตัว อ.หนองกุงศรี ลักษณะเดียวกับบ้านหนองหว้า หมู่ 9 และบ้านโคกเจริญ หมู่ 10 ทำให้ชาวบ้านเกิดความวิตกกังวล คาดว่าน่าจะมีประมาณ 200 คนที่ถูกหลอก

ตนจึงได้ประกาศเพื่อให้ชาวบ้านที่ได้รับหนังสือดังกล่าวมาลงทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน และจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา ทั้งในส่วนของการจะไปปรึกษากับศูนย์ดำรงธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้านนางสำราญ บุญเสริม อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 164 บ้านโคกเจริญ เล่าว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยให้บัตรประชาชนแก่คนรู้จักในหมู่บ้านเพื่อไปลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์พร้อมโปรฯ โดยในเขตหมู่บ้านโคกเจริญจะได้รับเงินเป็นค่าตอบแทนคนละ 150 บาท ก่อนที่จะมารู้ตัวว่าถูกหลอกหลังได้รับใบทวงหนี้ค่าโทรศัพท์ดังกล่าว ทั้งๆ ที่ตนและชาวบ้านที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันคือไม่ได้เครื่องโทรศัพท์ และไม่ได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ตามที่ระบุมาในใบแจ้งหนี้เลย

จากการสอบถามชาวบ้านด้วยกัน ทั้งหมู่บ้านโคกเจริญทั้ง 2 หมู่ คือ หมู่ 10 และหมู่ 3 น่าจะมีไม่น้อยกว่า 200 คน อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้แก่ผู้สูงอายุที่เห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ จึงถูกคนที่ตนไว้ใจหลอก และเป็นที่มาของการได้รับหนังสือทวงหนี้ค่าโทรศัพท์ดังกล่าว


ขณะที่นางสาวบังอร จันละคร อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 63 บ้านโคกเจริญ หมู่ 10 ซึ่งได้เดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ตนเป็นคนไปหาเก็บบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านไปดำเนินการดังกล่าว ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีเจตนาจะไปหลอกลวงญาติพี่น้องหรือชาวบ้านคนใดเลย เพราะหากมีเจตนาดังกล่าวตนคงจะหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปนานแล้ว ที่ตนยังอยู่ในหมู่บ้านเพราะไม่เคยคิดจะไปหลอกลวงใคร

ส่วนที่เรื่องเกิดขึ้นนั้นเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะหลงเชื่อคำเชิญชวนของเจ้าของร้านขายโทรศัพท์ และอยากมีรายได้ ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร

นางสาวบังอรเล่าอีกว่า เหตุการณ์เริ่มจากเมื่อต้นปี 2562 ตนได้ไปซื้อโทรศัพท์ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายแห่งหนึ่งในตัว อ.หนองกุงศรี จากนั้นได้รับคำแนะนำจากตัวแทนขายให้ไปหาลูกค้ามาซื้อโทรศัพท์พร้อมโปรโมชันกับเครือข่ายของบริษัทจำหน่ายโทรศัพท์ โดยตนจะได้รับค่าตอบแทนด้วย วิธีการคือไปหาติดต่อนำบัตรประชาชนจากชาวบ้านมาให้ทางร้านลงทะเบียน และให้ค่าตอบแทนชาวบ้านคนละ 150 บาท ซึ่งตนก็ไปหาเก็บบัตรประชาชนภายในหมู่บ้าน ซึ่งจำไม่ได้ว่าจำนวนกี่คนเพราะไม่ได้ทำบัญชีไว้ และไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องดังกล่าว โดยมีใบแจ้งหนี้และใบส่งฟ้องร้องมาถึงชาวบ้าน

อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องให้ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ร้านดังกล่าวมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย เพราะหากจะให้ตนรับผิดชอบคงเป็นไปไม่ได้เพราะตนไม่ใช่เจ้าของบริษัทและไม่ใช่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านก็เข้าใจตน



กำลังโหลดความคิดเห็น