กาญจนบุรี - รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ลุยป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เข้าไปติดตามการให้บริการงานทะเบียนในพื้นที่บ้านไล่โว่-สาละวะ พร้อมมอบบัตรให้เด็กชาวกะเหรี่ยงที่ได้สัญชาติไทย จำนวน 4 ราย ย้ำการได้บัตรประชาชน ไม่ยากถ้ามีคุณสมบัติ ที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่าย รัฐบริการให้ฟรี
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่โรงเรียนบ้านกองมองทะ สาขาบ้านสาละวะ หมู่ที่ 4 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ที่ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลและมีความทุรกันดาร นายทศพล ไชยโกมินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายอนันต์ นาคนิยม ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี ได้เดินทางมาติดตามการบริการด้านทะเบียนของศูนย์ทะเบียนภาค 7 สาขา จ.กาญจนบุรี และสำนักทะเบียนอำเภอสังขละบุรี ที่มาเปิดให้บริการงานทะเบียนในพื้นที่บ้านสาละวะ-ไล่โว่
พร้อมทั้งได้ฟังการกล่าวคำปฏิญาณตนของบุคคลผู้ได้รับสัญชาติไทย ซึ่งเป็น 1 ในขั้นตอนสุดท้ายของผู้ที่ได้รับสัญชาติไทย โดยในวันนี้มีผู้ที่ได้รับการอนุมัติสัญชาติไทยและมาแสดงตนเพื่อขอมีสัญชาติไทยต่อเจ้าพนักงาน เพื่อดำเนินการถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 4ราย โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ให้เกียรติเป็นผู้มอบบัตรให้ผู้ที่ได้รับสัญชาติไทยทั้ง 4 ราย พร้อมทั้งได้กล่าวให้โอวาทแก่บุคคลทั้ง 4 ให้ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดี ให้ทำความดีโดยการตั้งใจศึกษาเพื่อเป็นการตอบแทนแผ่นดิน
นอกจากงานด้านสัญชาติแล้ว การออกให้บริการงานทะเบียนในครั้งนี้ยังให้บริการด้านอื่น เช่น การแจ้งเกิด แจ้งตาย การขอเปลี่ยนบัตร เปลี่ยนชื่อสกุล เป็นต้น ทั้งนี้ประชาชน ในบ้านไล่โว่-สาละวะ เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง มีทั้งที่ได้สัญชาติไทยแล้ว และบางส่วนยังไม่ได้รับสัญชาติไทย ด้วยความที่ชุมชนตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล การคมนาคมมีความยากลำบาก ในอดีตจึงเป็นอุปสรรคในการเดินทางเข้าไปยังตัวอำเภอ เพื่อติดต่อขอสัญชาติ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทาง และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่พัก
รวมทั้งค่าอาหาร ชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะยากจน จึงไม่สามารถไปได้ จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านที่นี่จำนวนมากยังไม่ได้รับสัญชาติไทย ทั้งที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดโครงการบริการงานทะเบียนในพื้นที่ในวันนี้
ด้าน นายศุภพิชญ์ สงภักดิ์ หัวหน้าศูนย์ทะเบียน ภาค 7 สาขา กาญจนบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเข้ามาทำงานในพื้นที่มีความยากลำบากในเรื่องการเดินทาง เนื่องจากหมู่บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ป่า การมาทำงานต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักทะเบียนอำเภอ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ และที TOT
เนื่องจากต้องอาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อระบบผู้นำชุมชน ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าจึงต้องเตรียมมาเอง และต้องอาศัยอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านกองม่องทะ สาขาสาละวะเป็นสถานที่ทำงาน แม้จะมีความยากลำบาก ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ได้รับความสะดวกสบาย เราก็พร้อมเสมอ
ที่สำคัญบ้ตรประชาชนเป็นสิ่งจำเป็นที่คนไทยต้องมี เพื่อการเข้าถึงสิทธิในด้านต่างๆตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ที่สำคัญการออกงานหน่วยเช่นนี้สามารถทำงานครอบคลุมทุกเรื่องในส่วนของงานทะเบียน ลดค่าใช้จ่ายประชาชน ที่สำคัญเป็นการบริการที่ไม่มีค่าใช้จ่าย