ศูนย์ข่าวศรีราชา - เริ่มแล้ว! เจ้าท่าพัทยา เดินหน้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 18 แห่ง รุกล้ำชายหาดบ้านอำเภอ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังครบกำหนดคำสั่งศาลให้ทำการรื้อถอน ระบุไล่รื้อทุกส่วน ไม่เว้นผู้ประกอบการรายใหญ่ รวยหรือจน ชี้กฎหมายใหม่โทษหนักกว่าเดิม
วันนี้ (5 ธ.ค.) นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา พร้อมด้วย นายปุณยรัตน์ ธนีรมย์ ผู้อำนวยการ กองช่างเทศบาลนาจอมเทียน ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์และรถแบ็กโฮจำนวน 2 คัน ลงพื้นที่ชายหาดบ้านอำเภอ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างประเภทอาคารเพิงไม้รุกล้ำชายหาด หลังได้มีคำสั่งให้ดำเนินการรื้อถอน และห้ามใช้อาคารตาม ม.118 ทวิ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยในเบื้องต้น พบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่แต่โดยดี ส่วนเจ้าหน้าที่ได้เข้ารื้อสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ชายหาดที่มีลักษณะเป็นเพิงไม้ซึ่งกลุ่มประมงชายฝั่งจัดสร้างเป็นที่พักผ่านและที่สำหรับเก็บรักษาอุปกรณ์ในการทำประมง และพักผ่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลารื้อถอนประมาณ 6 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
นายเอกราช เผยว่า กรมเจ้าท่าได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบปัญหาการรุกล้ำชายหาดและทะเลทั่วประเทศหลังพ้นระยะเวลาการขออนุญาตและผ่อนปรนตามคำสั่ง คสช. ซึ่งขณะนี้ยังพบว่ามีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการใช้ที่ดินและทะเลซึ่งเป็นที่สาธารณะหาประโยชน์เข้าตัวเอง
และยังพบว่าส่วนใหญ่อยู่พื้นที่ ม.4 ต.นาจอมเทียน โดยเป็นการปลูกสร้างรุกล้ำชายหาดมากถึง 18 ราย ซึ่งไม่มีหลักฐานกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการชี้แจงและดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อครบเวลาตามที่กำหนดจึงประสานความร่วมมือกับท้องถิ่นในการเข้ารื้อถอนดังกล่าว
“ปัจจุบันมีกระแสมากมายที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเน้นดำเนินการเพียงแต่ในส่วนของประชาชนที่ทำกินและยากไร้ ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังไม่พบเห็นดำเนินการที่จริงจังและเป็นรูปธรรมนั้น กรณีนี้ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและภาครัฐจะดำเนินการอย่างเท่าเทียมกัน เพราะเมื่อตรวจพบมีผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมายก็จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ และใช้มาตรการในการออกคำสั่งรื้อถอนอย่างเป็นรูปธรรม”
ส่วนกรณีที่มีการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีเอกสารสิทธิ และการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ที่มักจะเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้มีการร้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ก็อาจทำให้การดำเนินงานรื้อถอนล่าช้าไปบ้าง ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ประกอบการสามารถกระทำได้
แต่หากสุดท้ายเมื่อผลคำพิพากษายืนตามคำสั่งให้รื้อถอน เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าดำเนินการทันที ซึ่งขณะนี้มีโทษเปรียบเทียบปรับในอัตราที่สูงขึ้น และยังมีโทษจำคุกตามกฎหมายใหม่ด้วย
