กาญจนบุรี - นายทุนยอมรื้อรีสอร์ต "กระท่อมริมธาร" หลังกรมอุทยานฯ เอาจริง พร้อมเดินหน้าขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของรีสอร์ตหรู อ.สังขละบุรี ตามกฎหมาย พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ โทษหนักปรับอีกเพียบ
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.63 ที่ผ่านมา นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายสมาน หงษ์เอี่ยม อายุ 42 ปี นายทุนชาวตำบลท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ในข้อหายึดถือ ครอบครอง หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท
ส่วนพื้นที่ที่ถูกยึดคืนเดิมเป็นของรีสอร์ตกระท่อมริมธาร ตั้งอยู่หมู่ 2 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ รวมเนื้อที่ 1 ไร่ ภายในมีบ้านพัก จำนวน 4 หลัง และเมื่อวันที่ 11 พ.ย.63 เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายประกาศคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้ง 4 หลัง ออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯ ทั้งหมดภายใน 30 วัน หากฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท ปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเป็นจำนวนเงิน 6 หมื่นบาท ให้แก่ทางราชการ
ล่าสุด วันนี้ (3 ธ.ค.) นายสมาน ได้ดำเนินการรื้อถอนบ้านพักทั้ง 4 หลังออกไปหมดแล้ว ดังนั้น เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จึงนำรถไถเข้าทำการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมทำการนำกล้าไม้มาปลูกเพื่อฟื้นฟูผืนป่าให้กลับมาเป็นธรรมชาติดังเดิม
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับความคืบหน้าคดีรื้อถอนโรงแรมหรู มูลค่า 40 ล้าน ชื่อ "พรไพลิน รีเวอร์ไซด์ รีสอร์ท" ที่ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ท้องที่หมู่ 1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่บุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม รวมเนื้อที่ 2-3-8 ไร่นั้น
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้ดำเนินการติดประกาศคำสั่งรื้อถอนไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ย.โดยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯ ภายใน 30 วัน และได้ปิดประกาศคำเตือนอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 2 ต.ค.63 โดยให้รื้อถอนโรงแรมหรูดังกล่าวออกไปภายใน 15 วัน แต่ผู้ประกอบการก็ยังฝ่าฝืน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ติดประกาศคำเตือนเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ด้วยการสั่งให้รื้อถอนโรงแรมให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน แต่เมื่อครบกำหนดเวลา ปรากกฏว่า น.ส.ณฐิสิณี เต็งเที่ยง เจ้าของยังดื้อแพ่งไม่ยอมรื้อถอนโรงแรมตามประกาศคำสั่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด
ดังนั้น วันนี้ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมด้วยนายสุภาพ งามทองเหลือง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จึงเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าของในข้อหาฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอน ตามมาตรา 35 (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 ซึ่งมีโทษหนัก จำคุก 1-3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และจะต้องถูกปรับเป็นรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะรื้อถอนแล้วเสร็จ
สำหรับคดีข้อหาฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอนตามประกาศคำสั่งของหัวหน้าอุทยานเขาแหลมในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นคดีแรกของประเทศไทย ที่บังคับใช้กฎหมายอุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.62 เป็นต้นมา
เนื่องจากกฎหมายอุทยานฯ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ได้กำหนดเอาไว้ว่า กรณีผู้กระทำผิดไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือต้นไม้ ให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ขออนุมัติใช้เงินรายได้จากกรมอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 32 (2) ได้ ประกอบกับโรงแรมหรูดังกล่าวมีขนาดใหญ่ โครงสร้างแข็งแรงคงทนถาวร มีวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งภายในเป็นจำนวนมาก
อาคารบางส่วนก็อยู่ในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ โดยคาดว่าต้องต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนประมาณ 1.2 ล้านบาท จากนั้นจะทำการ e-bidding จัดจ้างตามระเบียบพัสดุ พ.ศ.2560 เพื่อหาผู้รับจ้างที่มีความชำนาญการในการรื้อถอน แต่ระหว่างรอการอนุมัติเงินจากกรมอุทยานฯ เจ้าของโรงแรมจะต้องถูกปรับวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะรื้อถอนโรงแรมแล้วเสร็จ
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจึงเป็นผลเสียต่อเจ้าของโรงแรมที่ฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอนด้วยตนเอง เพราะอย่างไรเสียก็ต้องถูกรื้อถอน ซึ่งนอกจากถูกต้องถูกปรับเงินเป็นจำนวนมากแล้ว จะต้องมาถูกดำเนินคดี และอาจติดคุกในข้อหา "ฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอน" ด้วย
เพราะฉะนั้นจึงขอเตือนเจ้าของรีสอร์ต หรือเจ้าของโรงแรมที่ปลูกสร้างบุกรุกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหรือในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า โดยมิชอบโดยกฎหมาย หากรู้ตัวอยู่แล้วขอให้ทำการรื้อถอนด้วยตนเองจะดีที่สุด