กาญจนบุรี - ทายาทนอมินี อดีตนายทหาร ยอมนำแบ็กโฮรื้อบ้านพัก "พัสสาพาฎา รีสอร์ต" มูลค่า 15 ล้านบาทแล้ว คาด 3 วันแล้วเสร็จ พร้อมฟื้นฟูทันที
จากกรณีนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นางคณิสรา เชฐบัณฑิตย์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมด้วยนายสุภาพ งามทองเหลือง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ติดป้ายประกาศคำเตือนให้ทายาทโดยธรรม หรือผู้จัดการมรดก ของ น.ส.จารุภา เดชจินดา เจ้าของรีสอร์ต ชื่อ "พัสสาพาฎา รีสอร์ต" ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จำนวน 17 หลัง ที่สร้างบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จำนวน 2 ไร่ 3 งาน ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นแล้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จะนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ตดังกล่าวเสียเอง โดยเจ้าของจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเป็นเงิน จำนวน 200,000 บาท ให้แก่กรมอุทยานฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายไปติดประกาศเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (8 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ข้างต้นได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของรีสอร์ตดังกล่าวว่า เนื่องจากครบกำหนดเวลาประกาศคำสั่งให้รื้อถอนออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯ ภายใน 7 วันแล้ว
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้บังคับบัญชา รวมทั้งประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะจากการสืบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ พบผู้กระทำผิดที่อยู่เบื้องหลังเป็นอดีตข้าราชการทหาร ยศระดับ พล.ต.หญิง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถสาวไปถึงตัวได้ โดยนอมินีที่แสดงตัวเป็นเจ้าของ "พัสสาพาฎา รีสอร์ต" แทนอดีตนายทหารหญิงคนดังกล่าวนั้นคือ น.ส.จารุภา เดชจินดารี แต่ น.ส.จารุภา ได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งผู้ที่ต้องดำเนินการรื้อถอนแทนก็คือทายาทโดยธรรม ของ น.ส.จารุภา
ก่อนหน้านี้ ทายาทโดยธรรมของ น.ส.จารุภา ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ทราบว่าพร้อมและยินยอมที่จะรื้อถอนอาคารบ้านพักของรีสอร์ตทั้ง 17 หลัง มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท เริ่มภายในวันที่ 8 ต.ค. ด้วยการนำรถแบ็กโฮเข้ามารื้อถอนทำลาย จึงได้มีการนัดหมายกันเข้าพื้นที่ในวันนี้
นายนิพนธ์ เปิดเผยอีกว่า จากศักยภาพการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างด้วยการนำรถแบ็กโฮเข้ามาดำเนินการ คาดว่าจะใช้เวลาเพียงแค่ 3 วันก็คงจะแล้วเสร็จ โดยหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะนำพื้นที่ที่ถูกยึดคืนมาฟื้นฟูด้วยการนำกล้าไม้ชนิดต่างๆ มาปลูกให้กลับมาเป็นผืนป่าดังเดิม โดยจะเปลี่ยนชื่อสถานที่จาก "พัสสาพาฎา รีสอร์ต" เป็นชื่อใหม่ว่า "สวนป่าธรรมชาติเขาแหลม" เพื่อให้เกิดความยั่งยืนมั่นคงถาวรของผืนป่าในพื้นที่ดังกล่าวตลอดไป
การที่ผู้ประกอบการรีสอร์ตยินยอมดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างด้วยตนเองนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากเลยเวลาประกาศคำสั่งที่กำหนดให้รื้อถอน ผู้ประกอบการยังดื้อแพ่งไม่ยอมรื้อ ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จะต้องเข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ตดังกล่าวเสียเอง จากนั้นจะต้องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีในข้อหา ฝ่าฝืนประกาศคำสั่งรื้อถอนของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งมีโทษจำคุก 1-3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และจะต้องถูกปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะดำเนินการรื้อถอนแล้วเสร็จอีกด้วย