กาญจนบุรี - ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เตือนร้านข้าวแกงขึ้นป้ายโฆษณาอาหารป่า เช่น เก้ง กวางป่าผัดเผ็ด หากตรวจสอบแล้วเป็นจริง มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน กลับกัน หากตรวจแล้วไม่ใช่ตามโฆษณา เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคเจออีก 2 กระทง
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สามารถจับกุมกลุ่มนายพรานที่ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่ามาแล้วหลายคดี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาส่วนใหญ่จะให้การว่า ล่าเพื่อนำไปประกอบอาหารกินกันเอง แต่จากการสืบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่แล้วพบว่า นายพรานเหล่านี้จะนำสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่เปิดร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารจานด่วน หรือร้านข้าวแกงที่อยู่ริมถนน รวมทั้งร้านอาหารตามสั่งที่ตั้งอยู่ทั้งริมถนนสายหลักและถนนสายรอง ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ของเรา จะได้ออกหาข่าวในเชิงลึกเพื่อเข้าทำการจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก จึงเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อที่สุดเกี่ยวกับอาหารป่า โดยช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ตนและเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และได้แวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารชื่อ “เจ๊ราตรี แกงป่า” ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
จากการสำรวจรายการอาหารจากเมนู และป้ายโฆษณารายการอาหารที่อยู่ภายในร้าน พบว่ามีการโฆษณารายการอาหารประเภท “เก้งผัดเผ็ด” และ “แกงป่าเก้ง” ซึ่งเก้งนั้นเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จากการสอบถามเจ้าของร้าน ปรากฏได้ข้อเท็จจริงว่า ไม่มีเก้งจริงที่นำมาประกอบอาหารบริการให้แก่ลูกค้า แต่เป็นเนื้อสัตว์ชนิดอื่น
ดังนั้น จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนเจ้าของร้าน ว่าการกระทำดังกล่าวนั้นผิดกฎหมาย พร้อมกับให้ลบรายการอาหารประเภทดังกล่าวออกไปจากเมนูอาหาร และป้ายโฆษณา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเจ้าของร้านอาหารดังกล่าวเป็นอย่างดี
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีทุกแห่ง ให้ลงพื้นที่หาข่าวหากพบเห็นร้านอาหารร้านใดมีเมนูและป้ายโฆษณาอาหารป่า ให้เข้าไปแจ้งเตือนเจ้าของร้านทันที ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงและสร้างสิ่งที่ดีงามให้แก่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดกาญจนบุรีจะได้ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดแหล่งค้าอาหารที่เป็นสัตว์ป่าอีกต่อไป
ขอฝากเตือนร้านอาหารต่างๆ ดังนี้ กรณีที่นำเนื้อสัตว์ป่าคุ้มครอง เช่น เก้ง กวางป่า กระต่ายป่า มาทำเป็นเมนูอาหารขายให้ลูกค้ารับประทาน มีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีเมนูและป้ายโฆษณา มีรายการอาหารประเภทสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่เมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเป็นเนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ป่าคุ้มครองตามที่โฆษณาเอาไว้ เช่น เป็นเนื้อหมูป่า หรือเนื้อกวางลูซ่า เป็นต้น จะมีความผิดในกรณีหลอกลวงการขาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และฉบับที่แก้ไข มาตรา 47 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ