เชียงใหม่ - สนามบินเชียงใหม่ปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียนเป็น In-Line Screening ป้องกันการแทรกแซงตามมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน เริ่ม 1 ธ.ค. 63 ช่วยลดแออัดเข้าอาคาร แต่ยังคงมาตรการคัดกรองโควิด-19 เข้มงวดเช่นเดิม
วันนี้ (17 พ.ย. 63) นาวาอากาศโท มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงมาตรการตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียน และมาตรการรักษาความปลอดภัยจากระบบ Terminal Screening ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นระบบ In-Line Screening ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ตรวจสอบมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และพบโอกาสที่จะเกิดการแทรกแซงสัมภาระลงทะเบียน (สัมภาระที่โหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน) ที่ผ่านการตรวจแล้ว จึงได้ขอให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ดำเนินการแก้ไข
ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ระบุว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยแบบ Terminal Screening เป็นการตรวจสอบสัมภาระและสิ่งของติดตัวทุกชิ้นที่จะนำเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร สามารถป้องกันหรือคัดกรองสิ่งของต้องห้าม หรือสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ได้ตั้งแต่ก่อนเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้เกิดความแออัดคับคั่งบริเวณชานชาลา อีกทั้งยังมีโอกาสที่สัมภาระลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจ X-Ray เรียบร้อยแล้วจะถูกแทรกแซงทั้งจากเจ้าของหรือบุคคลอื่น
ฉะนั้น เพื่อให้มาตรการตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียนเป็นไปตามกฎเกณฑ์ความปลอดภัยด้านการบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 28 ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัยในการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ตลอดจนลดปัญหาความแออัดและความคับคั่งบริเวณประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานเชียงใหม่
ดังนั้น จึงได้เปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียนจากระบบ Terminal Screening เป็นแบบ In-Line Screening โดยจะเริ่มทดลองใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการคือ จะยกเลิกจุดตรวจค้นบริเวณประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสาร คงไว้แต่เฉพาะการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างตามมาตรการคัดกรองด้านสาธารณสุข
สำหรับผู้โดยสารที่เข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารแล้ว หากไม่มีสัมภาระลงทะเบียนสามารถเช็กอินได้ตามช่องทางต่างๆ ได้แก่ เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ตู้เช็กอินอัตโนมัติ หรือ Application จากนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจ X-Ray ก่อนขึ้นเครื่องตามปกติ สำหรับผู้โดยสารที่มีสัมภาระลงทะเบียน ต้องทำการเช็กอิน ณ เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินเพื่อรับบัตรผ่านขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) และติดป้ายติดกระเป๋า (Baggage Tag) จากนั้นนำสัมภาระที่มีป้ายติดกระเป๋าไปผ่านเครื่อง X-Ray ที่เชื่อมต่อกับสายพานลำเลียงกระเป๋าเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งหากพบสัมภาระต้องสงสัยก็จะดำเนินการตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยต่อไป
สำหรับการใช้ระบบ In-Line Screening ดังกล่าวจะทำให้กระบวนการเข้าสู่อาคารผู้โดยสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ในระยะแรกผู้โดยสารที่มีสัมภาระลงทะเบียนอาจยังไม่คุ้นเคยกับการต้องนำกระเป๋าสัมภาระไปผ่านเครื่อง X-Ray และรอให้กระเป๋าสัมภาระผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ จึงอาจต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนการรักษาความปลอดภัยทั่วไปภายในอาคารผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเพิ่มความถี่ในการเดินตรวจตระเวนมากขึ้น รวมทั้งใช้สุนัขดมกลิ่นเข้ามาช่วยปฏิบัติงานในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารคับคั่ง