xs
xsm
sm
md
lg

อีกแล้ว!! พลทหารที่ขอนแก่นผูกคอตายปริศนา ญาติไม่เชื่อร้องสื่อช่วยสางปม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ญาติพลทหารหนุ่มค่ายดังในเมืองขอนแก่นร้องสื่อสงสัยปมการตายของพลทหาร อายุ 21 ปี ผูกคอฆ่าตัวตายปริศนา ทั้งที่ทั้งพ่อและแม่เพิ่งได้คุยแชตกับลูกเมื่อไม่กี่วันก่อน ด้านค่ายทหารอ้างผู้ตายเป็นโรคซึมเศร้ากรีดข้อมือก่อนใช้ผ้าขาวม้าผูกคอดับ

วันนี้ (12 พ.ย.) ที่บ้านเลขที่ 56 บ้านโนนสวรรค์ หมู่ 1 ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับครอบครัว พลทหาร รชฏ เสนาสนิท อายุ 21 ปี ประจำค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ภายหลังพ่อและแม่พลทหารรายนี้ได้ร้องเรียนสื่อมวลชนว่าติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย ซึ่งทางค่ายทหารโทรศัพท์แจ้งพ่อแม่ว่าลูกชายใช้ผ้าขาวม้าผูกคอฆ่าตัวตายที่กระท่อมกลางน้ำ บริเวณหน่วยเรือนจำของค่าย

นางรำไพ เตื่อยมา อายุ 71 ปี ยายของพลทหาร รชฏ ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนและทุกคนในครอบครัวไม่เชื่อเด็ดขาดว่านายรชฏป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนอาจเป็นสาเหตุให้ฆ่าตัวตาย ตนเห็นเขามาตั้งแต่เกิด มีนิสัยร่าเริง อัธยาศัยดี พูดคุยหยอกล้อเล่นกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านมาตลอด ไม่มีอาการของคนป่วยโรคซึมเศร้าแต่อย่างใด ทั้งมีพิรุธให้น่าสงสัยทางค่ายทหารนำศพหลานชายไปผ่าชันสูตรโดยไม่แจ้งให้พ่อแม่หรือญาติๆ ได้รับทราบก่อนเพื่อเซ็นยินยอม

“ที่มันน่าสงสัยคือพบรอยแผลถูกของมีคมจิ้มที่ข้อมือด้านซ้าย พวกเขาอ้างว่าหลานชายฉันเอามีดปอกผลไม้จิ้มข้อมือตัวเอง ยิ่งทำให้สงสัยมากขึ้น มั่นใจว่าหลานไม่กล้าทำร้ายตัวเองอย่างแน่นอน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียด เรื่องที่เกิดขึ้นพ่อและแม่ของหลานฉันได้ไปให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนโรงพักย่อยศิลาแล้ว”


ด้านนายสุรชัย เสนาสนิท พ่อของพลทหารรชฏ เปิดเผยอีกว่า ลูกชายสมัครเป็นทหารที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าฝึกเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 63 ลาพักร้อนเดินทางกลับบ้านที่บ้านโนนสวรรค์ หมู่ 1 ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. และกลับเข้าค่ายทหาร 25 ต.ค. หลังฝึกเสร็จถูกส่งไปอยู่หน่วยเรือนจำในค่ายเมื่อวันที่ 27 ต.ค.

ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. เวลาประมาณตี 4 ทาง ผบ.โทรศัพท์แจ้งว่าลูกชายผูกคอตายในกระท่อมกลางน้ำอยู่ในหน่วยเรือนจำของค่าย 

ก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิตนั้น เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ยังคุยแชตเฟซบุ๊กกับแม่ของเขาถามไถ่พูดคุยกันปกติ ต่อมาวันที่ 31 ต.ค. 63 เวลา 19.02 น. ลูกชายก็ได้แชตเฟซบุ๊กพูดคุยกับพ่อ บอกว่า "สบายดี ที่ค่ายทหารให้ทำงานส่งเอกสารกับรับส่งกุญแจ" จากนั้นตนก็ได้เตือนลูกชายเรื่องการสูบบุหรี่ ต่อมาในเวลา 20.42 น.ทราบว่าลูกชายได้คุยแชตกับรุ่นพี่ในค่ายทหาร และรุ่นพี่คนดังกล่าวเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยแชตกับลูกชายตน


ต่อมา วันที่ 1 พ.ย. เวลา 06.00 น. ค่ายทหารได้โทรศัพท์มาแจ้งตนว่าลูกชายได้ผูกคอตายในกระท่อมที่หน่วยเรือนจำ ตนไม่เชื่อว่าลูกชายจะผูกคอตายจริงเนื่องจากลูกชายเป็นคนที่มีนิสัยขี้กลัว ไม่น่าจะกล้าผูกคอตัวเอง

นายสุรชัยเล่าต่อว่า หลังทราบข่าวตนและภรรยาได้รีบเดินทางไปติดตามการตายของลูกชายที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เนื่องจากศพของลูกชายถูกส่งผ่าชันสูตร ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำภาพถ่ายในที่เกิดเหตุมาให้ตนดูสภาพศพของลูกชายได้ผูกคอห้อยกับคานกระท่อมที่ตั้งอยู่ในหนองน้ำของเรือนจำ สวมกางเกงขาสั้นสีเขียวขี้ม้า เสื้อยืดสีเทาแขนเขียว คอตก ผูกคอด้วยผ้าขาวม้า สีน้ำเงินขาว มีคราบเลือดติดที่หน้าผาก แขนซ้ายและข้อมือซ้ายมีเลือดติด


ทางค่ายอ้างว่ากรีดข้อมือ มือทั้งสองข้างหงิก มีมีดปอกผลไม้วางอยู่บนกระท่อมด้านหลังศพของลูกชาย นอกจากนี้ ในกระท่อมยังมีโทรศัพท์ของลูกชายวางบนหมอน และรองเท้าแตะวางข้างหมอน โดยทางค่ายให้ดูแต่ภาพศพของลูกชายในที่เกิดเหตุ ไม่ได้ให้ตนเก็บภาพดังกล่าวไว้ ทั้งยังบอกอีกว่าลูกชายตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และได้ใช้มีดกรีดแขนซ้าย ก่อนผูกคอตายในคืนวันที่ 31 ต.ค. และมีทหารในค่ายไปเจอศพลูกชายในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย. ส่วนตัวแล้วตนไม่เชื่อว่าลูกชายจะก่อเหตุผูกคอตาย และมีอาการป่วยโรคซึมเศร้า เพราะลูกชายไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า

“ผ้าขาวม้าลายสีน้ำเงินขาวที่ลูกชายใช้ผูกคอตายนั้นได้สอบถามทางค่าย เขาบอกว่าเป็นของลูกชายผม ผมก็แปลกใจเพราะตั้งแต่เลี้ยงลูกมาไม่เคยซื้อผ้าขาวม้าให้เขาแม้แต่ผืนเดียว เคยซื้อแต่ผ้าขนหนู แล้วเขาจะเอาผ้าขาวม้ามาจากไหน” นายสุรชัยกล่าว และว่า

อย่างไรก็ตาม ทางค่ายทหารได้ให้คำตอบตนใหม่ว่าผ้าขาวม้าเป็นของทางค่ายที่แจกให้ทหารทุกนาย ซึ่งเมื่อวานนี้ตนได้ไปดูกล้องวงจรปิดเพียงด้านหน้าค่ายเท่านั้น ในกล้องก็เห็นลูกชายเวลา 12.00-15.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค. 63 หลังจากนั้นก็ไม่เห็นลูกชายในกล้องอีกเลย ทางค่ายก็บอกว่าตอนเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เนื่องจากทหารทุกนายได้นอนหลับกันหมดแล้ว ตอนนี้ตนและญาติๆ ต่างติดใจสงสัยสาเหตุการตายครั้งนี้เป็นอย่างมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น