xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์วินิจฉัยโรคผิด! เด็กหญิงวัย 8 ปีไส้ติ่งแตกหวิดดับ โชคดีส่ง รพ.ชลบุรีทัน แต่อาการสาหัส

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - อุทาหรณ์วินิจฉัยโรคผิด! เด็กหญิงวัย 8 ปี ป่วยไส้ติ่งอักเสบ ญาติพาพบแพทย์ในคลินิก และ รพ.รัฐใน อ.สัตหีบ วินิจฉัยตรงกันอาหารเป็นพิษก่อนให้ยากลับบ้าน สุดท้ายอาการทรุดหนักจนไส้ติ่งเน่า และแตก รีบส่งรักษาต่อ รพ.ชลบุรี แม่บอกไม่อยากเอาเรื่องแค่อยากเตือนแพทย์อย่าถามอาการแค่ 5 นาที

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” ได้ลงข้อความพร้อมภาพบอกเล่าเรื่องราวของเด็กหญิงวัยเพียง 8 ปี ที่เกือบจะเสียชีวิตจากการวินิจฉัยโรคผิดของแพทย์ประจำคลินิกแห่งหนึ่ง โดยมีใจความระบุว่า

“คืนวันพฤหัส น้องบ่นปวดท้องต่อเนื่องคืนวันศุกร์น้องบ่นปวดมากขึ้น เช้าวันเสาร์เลยพาน้องไปคลินิกหมอบอกอาหารเป็นพิษ ตกช่วงดึกอาการน้องไม่ดีขึ้น เช้าวันอาทิตย์เลยนำน้องไปโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ ซึ่งสภาพน้องที่ไปถึงโรงพยาบาลน้องปวดท้องมาก ปากเขียว หน้าซีด และไม่มีแรง แต่แพทย์ใช้เวลาถามประวัติไม่ถึง 5 นาทีก่อนวินิจฉัยว่าอาหารเป็นพิษ และให้ยาแก้อาการเกร็ง แก้อาเจียน และยาพาราฯ ก่อนให้กลับบ้าน

แต่อาการไม่ดีขึ้นจนเริ่มไม่รู้สึกตัวและต้องพาน้องกลับไปโรงพยาบาลเป็นการด่วน กระทั่งมีการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลวัดญาณฯ ก่อนถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลชลบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด และจากการตรวจอย่างละเอียดแพทย์ระบุว่า น้องไส้ติ่งแตกจนเน่าและมีหนองไหลออกมา” 


วันนี้ (6 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลชลบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยได้รับการเปิดเผยจาก นางสุทิศา แก้วสนธยา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวได้พักรักษาตัวอยู่ที่ตึกชลยุวัฒน์ ชั้น 3 ห้องศัลกรรมเด็ก โดยหลังจากที่ได้มีการส่งตัวมายังโรงพยาบาล พบว่า มีฝีที่ไส้ติ่งจนเกิดอาการบวมอักเสบ แพทย์จึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีอาการสารน้ำและสารอาหารในร่างกายไม่สมดุลกัน

นอกจากนั้น ยังมีอาการไข้และปวดท้องเป็นระยะ ซึ่งในเบื้องต้นแพทย์ได้ให้ยาแก้ปวด และยังต้องเฝ้าระวังสัญญาณชีพในทุก 1 ชั่วโมง รวมทั้งต้องบันทึกน้ำเข้าน้ำออกทุก 1 ชั่วโมง

และขณะนี้เด็กยังไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้เนื่องจากร่างกายยังไม่มีความพร้อม แพทย์จึงต้องให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อรอให้ได้รับสารน้ำและสารอาหารที่สมดุลก่อน และจะต้อง ประเมินอาการในทุก 4 ชั่วโมง


ขณะที่มารดาของเด็กหญิงคนดังกล่าวบอกว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนเองไม่คิดที่จะเอาเรื่องแพทย์ในคลินิก และโรงพยาบาลในพื้นที่ที่วินิจฉัยอาการลูกผิดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพียงแค่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์เตือนใจผู้เป็นแพทย์ให้ตรวจวิเคราะห์อาการคนไข้อย่างละเอียด ไม่ใช่ใช้เวลาการวินิจฉัยโรคเพียงไม่กี่นาทีแล้วค่อยให้ยากลับบ้าน






กำลังโหลดความคิดเห็น