xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอลุยสอบพิกัดรีสอร์ตพื้นที่วัดโบสถ์ หลังป่าไม้เคยจับฐานรุกป่าริมฝั่งแควน้อยกว่า 100 ไร่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - DSI บุกสอบพิกัดขอบรีสอร์ตรุกป่าฯ สองฝั่งลำน้ำแควน้อยกว่า 100 ไร่ สาวเงื่อนงำ จนท.ออกเอกสารสิทธิมิชอบต่อ ด้านที่ดินบอกคล้าย สค.บิน ขณะที่เจ้าของร้องค้าน ยันมี น.ส.3 ข. 


นายภาสกร เจนประวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ DSI พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนากร อู่นาท ผกก.สภ.วัดโบสถ์, นางพิชญา พูลสมบัติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพิษณุโลก สาขาวัดโบสถ์, นายอิทธิพล ประเทือง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.9 (ปากพาน-น้ำโจน) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กรมป่าไม้ ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่ดิน สวนแสงพรหมรีสอร์ต เลขที่ 168 หมู่ 1 ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก วานนี้ (27 ต.ค.)

หลังเจ้าหน้าที่รัฐได้เข้าตรวจสอบและจับกุมผู้จัดการรีสอร์ต ฐานครอบครองที่ดินที่ออกโดยมิชอบจำนวน 102 ไร่ เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2562 ต่อมา น.ส.จรรยา อภิชัยศิริภัทร ได้คัดค้านไปหลายหน่วยงาน กระทั่งปลายปี 2562 ทาง ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องมายัง DSI เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ป่าถูกบุกรุกเกินกว่า 100 ไร่ จึงรับเป็นคดีพิเศษ

นายภาสกรกล่าวว่า คดีนี้เริ่มจากเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้วัดโบสถ์ หน่วยเฉพาะกิจพยัคฆ์ไพร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้าจับกุมผู้จัดการสวนแสงพรหมรีสอร์ต ที่แม้จะตั้งอยู่ในที่ดินเอกสารสิทธิประเภท น.ส.3 ข. พร้อมยึดพื้นที่ ห้ามดำเนินการใดๆ เพราะเห็นว่า น.ส.3 ข. ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าไม้ถาวร ซึ่งทางแสงพรหมรีสอร์ตได้ร้องขอความเป็นธรรม


หลัง DSI รับเรื่องจาก ป.ป.ช.และเห็นว่ามีมูลจึงได้รับเป็นคดีพิเศษ เพราะมีการบุกรุกป่าสงวนเกิน 100 ไร่ขึ้นไป และอาจโยงเรื่องนำไปสู่เจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบอีกหลายรายด้วย จึงมาตรวจสอบเพื่อความชัดเจนทางคดี ด้วยการนำทีมศูนย์แผนที่บินโดรนสำรวจพิกัดเพิ่มอย่างละเอียด ซึ่งมีความแม่นยำ 100% เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าของรีสอร์ตที่ถูกร้องเรียนว่าบุกรุกป่าสงวนฯ ว่าที่ดินทั้งหมดมีเท่าไหร่แน่ พร้อมสอบสวนเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่ความไม่ชอบมาพากลของเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วย เบื้องต้นเชื่อว่าเอกสารสิทธิออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยขณะนี้ยังตีกรอบการบุกรุกป่าอยู่ที่ 102 ไร่ก่อน

ขณะที่ภาคพื้นดิน มีการเดินสำรวจชี้รังวัดแนวเขตซ้ำใหม่ทั้งหมดด้วยเพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน นอกจากนี้ยังตรวจสอบแผนที่ทางอากาศแล้วพบว่าที่ดินบริเวณนี้เริ่มมีการทำถนนตัดผ่านเมื่อปี 2545 ต่อมาในปี 2560 ก็มีการก่อสร้างอาคารที่พักหลายหลังกระจายเต็มพื้นที่ ก่อนมีการตรวจพบโดยเจ้าหน้าที่และนำมาสู่การตรวจยึดที่ดินในปี 2562


ด้านนางพิชญา พูลสมบัติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพิษณุโลก สาขาวัดโบสถ์ กล่าวว่า เป็นการสอบเนื้อที่ตาม น.ส.3 เดิม เหมือนถ้าเป็นโฉนดก็เป็นการตรวจสอบแนวเขต ซึ่งจากตรวจสอบที่ดินแปลงนี้พบว่าอยู่คนละจุด พอมาตรวจสอบเนื้อที่ก็ย้ายตำแหน่งมาอยู่ตรงบริเวณนี้ ถ้าเทียบกับ ส.ค.1 ก็เป็น ส.ค.1 บินได้ เพราะตำแหน่ง น.ส.3 ที่ออกมาจริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ตรงนี้

“ปัญหาตรงนี้คือเป็นพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ เป็นพื้นที่เขตป่าเต็มๆ ถ้าตามระวางแผนที่แล้ว ที่ดินควรอยู่เหนือขึ้นไป และอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ เท่ากับว่าที่ดินของรีสอร์ตทั้งหมดเป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ”


นายอิทธิพล ประเทือง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.9 (ปากพาน-น้ำโจน) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กรมป่าไม้ กล่าวว่า การเข้าจับกุมรีสอร์ตแห่งนี้เนื่องจากมีการร้องเรียนไปยังสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 ว่ามีการบุกรุกป่าสงวนฯ ทาง ผอ.สำนัก 4 จึงสั่งการให้มาตรวจสอบ จนพบว่าที่ดินอยู่ในเขตป่า แต่ทางเจ้าของที่ดินก็ยืนยันครอบครองที่ดินมีเอกสารสิทธิ

“ตอนตรวจยึดจับกุม เขานำชี้ไป 3 จุดเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ระบุไป 13 จุด เจ้าของจึงได้ร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองเห็นว่าเป็นคดีใหญ่จึงส่งเรื่องไปยัง DSI จึงนำมาซึ่งการตรวจสอบในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำเต็มที่แล้ว ก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง”

อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจสอบในคดีนี้คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน หลังจาก DSI ตรวจสอบแนวเขตที่ดินชัดเจนจะนำสู่กระบวนการศาลยุติธรรมให้ศาลตัดสินชี้ขาด โดยคาดว่าจะรู้ผลภายในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น