ศูนย์ข่าวศรีราชา - รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แนะรัฐสร้างศักยภาพการจ้างงานให้เอกชนด้วยการสนับสนุนแบงก์รัฐปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพร้อมขยายเวลาชำระเงินต้น 2 ปี เชื่อพยุงธุรกิจไทยผ่านวิกฤตปี 63
ว่าที่ ร.ต.ยงสิน ยุวธานนท์ (ร.น.) รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปแรงงาน (ส.ว.) เผยถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรและการขาดแคลนแรงงานในธุรกิจบางประเภทจากการไม่สามารถเดินทางกลับเข้าไทยของกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่กำลังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจบางส่วนในขณะนี้ ว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการเลือกงานของคนไทยทั้งที่ในวันนี้มีคนไทยจำนวนมากที่ตกงานจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ หากคนไทยเปลี่ยนวิธีคิดด้วยการไม่หมิ่นเงินน้อยและกลับมาต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่รอเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก็จะสามารถนำตนเองกลับเข้าสู่การจ้างงานได้อีกครั้ง
ขณะที่รัฐบาลก็จะต้องเร่งพัฒนาทักษะอาชีพแก่คนไทยในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพื่อรอการกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งของเศรษฐกิจในประเทศ
“วันนี้รัฐบาลต้องหันกลับมามองว่าจะทำอย่างไรให้ข้าวไทยมีราคาแพงเหมือนข้าวญี่ปุ่นที่กิโลกรัมหนึ่งราคาสูงมาก และรัฐบาลต้องมองว่าจะทำอย่างไรให้ชาวนาได้พัฒนาคุณภาพข้าวและสามารถแปรรูปผลผลิตทางเกษตรอื่นๆ ให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ก็สามารถลดปริมาณคนต่างจังหวัดไม่ให้เดินหน้าเข้าสู่โรงงานเพียงอย่างเดียวได้”
โดยสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลคือ การขอให้รัฐสนับสนุนการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ และยืดเวลาการผ่อนชำระเงินต้นให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อให้มีสายป่านในการจ้างงาน ลดปัญหาการตกงานของคนไทย
“ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมฯ ก็พยายามที่จะเสนอมาตรการดังกล่าวต่อภาครัฐเพื่อช่วยกันพยุงเศรษฐกิจให้อยู่รอดไปจนพ้นปี 63 ขณะที่ภาคเอกชนเองก็พยายามสร้างความมั่นใจให้แก่แบงก์ว่าจะไม่ปล่อยให้เป็นหนี้เสียจากหลักทรัพย์ที่นำไปใช้ในการค้ำประกัน เพียงแต่ในช่วงนี้เอกชนต้องการสภาพคล่องในการทำธุรกิจ และการใช้เงินสำหรับการจ้างงานเท่านั้น”
ว่าที่ ร.ต.ยงสิน ยังเผยอีกว่า ตนเองมีความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางและแม้หากเกิดการแพร่ระบาดในรอบที่ 2 ก็จะสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาในรอบแรก
แต่ในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำไปทั่วโลกถือเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลเองก็ต้องศึกษาและหาทางออกให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องมาตรการเยียวยาให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก่อน เนื่องจากวันนี้รัฐบาลมีเงินในวงที่จำกัด
“และในฐานะที่ดูเรื่องแรงงานด้วยก็มองว่าหากรัฐบาลเปิดรับชาวต่างชาติในกลุ่มที่มีความพร้อมให้เดินทางเข้าประเทศไทยก่อนในเดือน ต.ค.นี้ เชื่อว่า จ.ชลบุรี มีศักยภาพในการรองรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะชาวจีน ให้สามารถกลับเข้าทำงานและท่องเที่ยวได้ ที่สำคัญในวันนี้เชื่อว่าจากความสำเร็จเรื่องการป้องกันโควิด-19 ทำให้คนจำนวนมากต้องการเดินทางเข้ามาในไทย และนั่นคือเป้าหมายการสร้างเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เพียงแต่ประชาชนต้องช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มข้นด้วย” ว่าที่ ร.ต.ยงสิน กล่าว
