ลพบุรี - “อนุชา” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรี รับปากชาวโคกตูม พร้อมให้สัญญาขอเวลาปีเศษได้โฉนดแน่นอน
บ่ายวันนี้ (21 ก.ย.) ที่ศาลาประชาคมเทศบาลโคกตูม อ.เมืองลพบุรี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่เพื่อเป็นประธานเปิดและร่วมเสวนา ในหัวข้อ "อุตสาหกรรมสร้างงาน สร้างรายได้ ขยายโอกาส พัฒนาคุณภาพชีวิตในยุค New Normal" จัดโดยคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 300 คน โดยมีนายวชิระ เกตุพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวให้การต้อนรับ
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "การแก้ไขการใช้พื้นที่ทับซ้อนระหว่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหวงห้ามเพื่อใช้ในราชการทหาร พ.ศ.2479 กับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามเพื่อใช้ในประโยชน์ในการสงเคราะห์ พ.ศ.2548"
โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายประทวน สุทธิอำนวยเดช รองประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ลพบุรี พ.อ.ดุสิต ประพฤติดีพร้อม เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 13 นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นายณรงค์ สืบตระกูล รองอธิบดีกรมที่ดิน นายดนัย วิจารณ์ ผู้ตรวจราชการกรมธนารักษ์ นายจิตรพรต พัฒนสิน ผู้อำนวยการกองกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าร่วมการเสวนา
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะที่ตนได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ซึ่งมีหน้าที่กำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยาและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี และ จ.ชัยนาท การลงพื้นที่ติดตามในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ติดตามช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 เท่านั้น แต่ยังได้ร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนในพื้นที่เทศบาลโคกตูม ที่พบว่าเกิดการทับซ้อนกันในส่วนของ 2 พระราชกฤษฎีกา
คือ พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามเพื่อใช้ในราชการทหาร พ.ศ.2479 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามเพื่อใช้ในประโยชน์ในการประชาสงเคราะห์ พ.ศ.2548 ซึ่งผลจากการเสวนานับว่าเป็นประโยชน์ที่จะนำไปประกอบการพิจารณาให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ดังกล่าว โดยจะเร่งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารโฉนดที่ดินในเฟสแรกประมาณ 24,000 ไร่ และที่ขาดตกอีกหมื่นกว่าไร่ ให้แล้วเสร็จใช้เวลาลาไม่เกิน 2 ปี ขอให้ประชานสบายใจได้ ที่ทำกินที่ทำกันมานาน และยื่นขอโฉนดไปแล้วได้โฉนดอย่างแน่นอน
บ่ายวันนี้ (21 ก.ย.) ที่ศาลาประชาคมเทศบาลโคกตูม อ.เมืองลพบุรี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่เพื่อเป็นประธานเปิดและร่วมเสวนา ในหัวข้อ "อุตสาหกรรมสร้างงาน สร้างรายได้ ขยายโอกาส พัฒนาคุณภาพชีวิตในยุค New Normal" จัดโดยคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 300 คน โดยมีนายวชิระ เกตุพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวให้การต้อนรับ
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "การแก้ไขการใช้พื้นที่ทับซ้อนระหว่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหวงห้ามเพื่อใช้ในราชการทหาร พ.ศ.2479 กับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามเพื่อใช้ในประโยชน์ในการสงเคราะห์ พ.ศ.2548"
โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายประทวน สุทธิอำนวยเดช รองประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ลพบุรี พ.อ.ดุสิต ประพฤติดีพร้อม เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 13 นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นายณรงค์ สืบตระกูล รองอธิบดีกรมที่ดิน นายดนัย วิจารณ์ ผู้ตรวจราชการกรมธนารักษ์ นายจิตรพรต พัฒนสิน ผู้อำนวยการกองกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าร่วมการเสวนา
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะที่ตนได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ซึ่งมีหน้าที่กำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยาและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี และ จ.ชัยนาท การลงพื้นที่ติดตามในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ติดตามช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 เท่านั้น แต่ยังได้ร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนในพื้นที่เทศบาลโคกตูม ที่พบว่าเกิดการทับซ้อนกันในส่วนของ 2 พระราชกฤษฎีกา
คือ พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามเพื่อใช้ในราชการทหาร พ.ศ.2479 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามเพื่อใช้ในประโยชน์ในการประชาสงเคราะห์ พ.ศ.2548 ซึ่งผลจากการเสวนานับว่าเป็นประโยชน์ที่จะนำไปประกอบการพิจารณาให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ดังกล่าว โดยจะเร่งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารโฉนดที่ดินในเฟสแรกประมาณ 24,000 ไร่ และที่ขาดตกอีกหมื่นกว่าไร่ ให้แล้วเสร็จใช้เวลาลาไม่เกิน 2 ปี ขอให้ประชานสบายใจได้ ที่ทำกินที่ทำกันมานาน และยื่นขอโฉนดไปแล้วได้โฉนดอย่างแน่นอน