พิจิตร - เครือข่ายชุมชนคุณธรรมพิจิตรแฉพิรุธ คนอ้าง สนง.วัฒนธรรมฯ โอนเงินอุดหนุนทำถุงยังชีพสู้โควิดเข้าบัญชีวัดแล้วขอคืน 100% จนพระสงฆ์-กรรมการวัดบอกหนักกว่าเงินทอนวัดด้วยซ้ำ จนต้องขอถอนตัวไม่ร่วมโครงการกันวุ่น
ส่อเป็นเรื่องฉาวอีกแล้ว..เมื่อเครือข่ายวัฒนธรรมและคุณธรรมในจังหวัดพิจิตรส่งหนังสือร้องเรียนถึงผู้สื่อข่าว ระบุว่า กรณีกระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายและโครงการบรรพชาอุปสมบทสามเณรภาคฤดูร้อนและบวชศีลจาริณีประจำปีงบประมาณ 2563 ในวันที่ 2 เมษายน 2563 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งต้องจัดสรรงบประมาณ (เงินอุดหนุน) ให้วัดที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 33 วัด วัดละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 330,000 บาท
แต่เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา วัฒนธรรมจังหวัดพิจิตรได้มอบหมายให้นักวิชาการผู้ประสานงานอำเภอประสานไปยังวัดที่เข้าร่วมโครงการฯ ขอปรับเปลี่ยนกิจกรรมเป็นการจัดซื้อถุงยังชีพมอบแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดแทน ตามมาตรการ Social Distancing
โดย สนง.วัฒนธรรมพิจิตรได้ให้วัดเปิดบัญชีรอรับเงินอุดหนุน ซึ่งกรรมการวัดและเจ้าอาวาสก็พร้อมจะดำเนินการ แต่เรื่องกลับตาลปัตร เมื่อมีบุคคลอ้างตัวว่า..ได้รับคำสั่งจากวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตรให้มาเจรจาครั้งแรกขอเงินคืนวัดละ 2,000 บาท เพื่อเอาไปทำถุงยังชีพเป็นของส่วนกลาง
ซึ่งพระสงฆ์และกรรมการวัดฯ ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเงินเล็กน้อยก็ตอบตกลง แต่วันถัดไปกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าได้รับคำสั่งมาจากวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตรก็ใช้โทรศัพท์ บางแห่งก็ส่งคนติดต่อด้วยตนเองบอกว่า เจ้านายขอเปลี่ยนนโยบายจะขอเงินคืนที่จะโอนเงินมาเข้าบัญชีวัดแล้ว “ขอคืนทั้งหมด” เพื่อเอาไปบริหารจัดการ
เงื่อนไขดังกล่าวทำให้วัดต่างๆ ที่แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการครั้งแรกรวม 33 วัด เกรงว่าจะเข้าข่ายเหมือนกรณีเงินทอนวัด ได้ขอถอนตัวไป 12 วัด
จากนั้นก็มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัดสั่งการให้เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมผู้ประสานงานระดับอำเภอ ไปติดต่อหาวัดอื่นๆ มาเสียบจนได้ 31 วัด รวมยอดเงินอุดหนุนที่เข้าบัญชีวัดต่างๆ รวม 330,000 บาท แยกเป็นวัดที่ได้ 20,000 บาท 1 แห่ง, 13,000 บาท 1 แห่ง, 17,000 บาท 1 แห่ง ที่เหลือได้วัดละ 10,000 บาท
ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ไปขอรับเงินคืน บางวัดเจ้าอาวาสก็ให้ลูกศิษย์วัดฯ ขับรถนำเงินที่ถอนจากธนาคารไปส่งให้ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตรด้วยตนเอง
กรณีดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่คณะสงฆ์ของจังหวัดพิจิตร ตลอดจนกรรมการวัดและญาติโยม เนื่องจากพระสงฆ์ เจ้าอาวาส และกรรมวัด ไวยาวัจกร เริ่มวิตกกังวลว่าถุงยังชีพวัดสู้โควิดจะเป็นเหมือนเงินทอน-เงินคืน เพราะบัญชีธนาคารของวัดต่างๆ มีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีที่เป็นเงินอุดหนุน ซึ่งหมายความว่าต้องทำเอง ต้องทำจริง และมีใบเสร็จมาเป็นหลักฐานทำรายจ่ายของเงินอุดหนุนนั้น แต่ปรากฏว่าเงินอุดหนุนที่โอนมาผ่านบัญชีแล้วถูกทวงคืนไปทั้งหมด