เชียงราย - จังหวัดเชียงรายออกประกาศใหม่เคลียร์ปมห้ามรถตู้พม่าสกัดโควิด วางกฎให้เปลี่ยนคนขับหน้าด่านฯ ก่อนเข้าขนสินค้าถึงโกดังตัวเมืองแม่สาย เริ่มมีผลพรุ่งนี้ (17 ก.ย.)
ความคืบหน้ากรณีทางการท้องถิ่น อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการใช้ยานพาหนะขนสินค้าระหว่างกันผ่านจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ตามมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 และห้ามผู้คนข้ามไปมาอย่างเด็ดขาดนั้น
ล่าสุด นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มีคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ฉบับที่ 22 แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว ด้วยการอนุญาตให้รถตู้ที่ผู้ประกอบการชาวพม่านิยมใช้ข้ามมาขนสินค้าอุปโภคบริโภคในฝั่งไทย สามารถเข้ามารับสินค้าตามโกดังสินค้าเขต อ.แม่สาย ได้
แต่กำหนดให้ข้ามมาได้เป็นเวลา 1 วัน และจำกัดจำนวนไม่ให้เกิน 168 คัน อนุญาตให้มีคนขับและคนติดตามมากับรถไม่เกิน 1 คน เมื่อขับมาถึงด่านพรมแดนฝั่งไทยให้มีการเปลี่ยนคนขับเป็นคนไทยหรือคนพม่าที่พักอาศัยอยู่ในประเทศและไม่เคยกลับประเทศพม่าในช่วงที่มีการระบาดของโรค จากนั้นให้ขับเข้ามารับสินค้าตามจุดที่แจ้งภายใต้การควบคุมของ ศปก.อ.แม่สาย ส่วนคนขับเดิมให้รออยู่ที่จุดคอยด่านพรมแดนภายใต้มาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยังให้สำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สายได้เข้าร่วมคัดกรองและทำความสะอาดยานพาหนะที่เดินทางมาจากประเทศพม่าอย่างเข้มงวดด้วย หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และคำสั่งนี้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) เป็นต้นไป
นายประจญกล่าวว่า ได้กำหนดให้มีการเข้มงวดกวดขันเพื่อป้องกันการระบาดของโรคเข้มงวดเหมือนช่วงที่มีการพบเชื้อในประเทศไทยใหม่ๆ โดยจะมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรครถทุกคันที่ข้ามเข้าเขตไทย เช่นเดียวกับมาตรการอื่นๆ ทั้งการตรวจคัดกรองบุคคล การตั้งจุดตรวจ การเฝ้าระวังตามแนวชายแดน และกิจกรรมอื่นๆ ภายในจังหวัดก็มีการร่วมกันหลายหน่วยงานในการดำเนินการ จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายเคยมีประกาศกำหนดห้ามรถยนต์ตู้ชาวพม่าขับผ่านด่านพรมแดนตรงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เข้าสู่ชั้นในของประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 และกำหนดให้มีการขนถ่ายสินค้าจากรถที่ไปรับสินค้าจากโกดังกันบริเวณด่านพรมแดน จากเดิมที่รถตู้เหล่านี้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 200 คัน เคยข้ามมาซื้อสินค้าเฉลี่ยวันละกว่า 400-500 เที่ยว
อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาระหว่างคณะของ นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย และนายซาน เมี่ยซอ นายอำเภอท่าขี้เหล็ก ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทางการท้องถิ่นพม่าอ้างว่าจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น กระทบราคาสินค้า ขณะที่รถบรรทุกสินค้าของไทยก็ข้ามไปยังฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากมีการดำเนินมาตรการห้ามรถยนต์ตู้ของพม่า ก็ต้องห้ามรถบรรทุกของไทยหรือให้เปลี่ยนคนขับบริเวณด่านพรมแดนก่อนเข้าท่าขี้เหล็กด้วยเช่นกัน รวมทั้งให้ความเห็นว่าหากตกลงกันไม่ได้อาจจะเสนอให้มีการปิดด่านพรมแดนเพียงแห่งเดียวที่เหลือนี้