พิษณุโลก - เกิดเหตุสุดสลด..พ่อชาววังน้ำคู้วัยเกือบ 60 ลงซ่อมเครื่องสูบน้ำบ่อบาดาลลึก 7 เมตร เกิดหมดสติอยู่ก้นบ่อ ลูกชายคนเล็กรีบลงไปช่วยสลบทับร่างพ่อซ้ำ พี่ชายลงช่วยไม่ไหวแจ้งกู้ภัยฯ คล้องเชือกดึงขึ้นมาช่วยไม่ทันเสียชีวิตทั้งคู่
วันนี้ (9 ก.ย.) ร.ต.อ.ศิรษิก บุญเกิด รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังน้ำคู้ อ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีคนหมดสติภายในวงบ่อน้ำบาดาลกลางทุ่งนา พื้นที่ ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานเข้าตรวจสอบช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นกลางทุ่งนาบริเวณบ้านลำได ม.12 ต.วัดพริก อ.เมืองพิษณุโลก ห่างจากถนนเลียบคลองชลประทานประมาณ 700 เมตร พบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ขณะที่ก้นบ่อบาดาลลึกราว 7 เมตร พบร่างชาย 2 รายหมดสตินอนทับกันอยู่ ทราบชื่อคือ นายบุญส่ง มากโภคา อายุ 59 ปี และนายภานุพันธ์ มากโภคา อายุประมาณ 25-30 ปี ทั้ง 2 คนเป็นพ่อลูกกัน พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 31 ม.10 ต.วังอิทก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่สามารถโรยตัวลงไปบริเวณก้นบ่อได้เนื่องจากมีแก๊สไข่เน่าฉุน จึงต้องใช้วิธีทำห่วงเชือกลงไปคล้องร่างของนายภานุพันธ์ มากโภคา ซึ่งเป็นลูกและนอนหมดสติทับผู้เป็นพ่ออยู่ ก่อนจะช่วยกันดึงร่างขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ แต่จากการตรวจสอบพบว่านายภานุพันธ์ไม่มีสัญญาณชีพจรแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำ CPR ท่ามกลางกลุ่มญาติเป็นจำนวนมากที่ต่างเฝ้ารอลุ้น แต่ก็ไม่เป็นผล
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกส่วนหนึ่งก็ใช้เชือกลงไปคล้องร่างของนายบุญส่ง มากโภคา ผู้เป็นพ่อที่อยู่บริเวณก้นบ่อ กระทั่งนำร่างนายบุญส่งขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ แต่นายบุญส่งได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว
นายณรงค์ ตุ้มพงศ์ อายุ 53 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตก็ลงบ่อเป็นประจำ วันนี้พ่อลงไปก่อนเพื่ออัดจารบีเครื่องสูบน้ำ กระทั่งลูกชายคนเล็กตามมาเห็นพ่อที่หมดสติ จึงรีบลงไปก้นบ่อเพื่อจะช่วยพ่อขึ้นมา แต่เนื่องจากด้านล่างมีแก๊สไข่เน่าคงหมดแรงก่อน ส่วนตัวลูกชายคนโตอีกคนเห็นพ่อกับน้องชายหมดสติ ก็เลยลงไปช่วย แต่โชคดีที่เอาเชือกมัดตัวเองไว้ระหว่างโรยตัว พอเริ่มทนไม่ไหว-หายใจไม่ออกจึงดึงเชือกพาตัวเองขึ้นมา แล้วรีบโทร.แจ้งญาติกับเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันช่วยพ่อและน้องชาย
นายสัตยา นวลทิม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.วังอิทก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เล่าว่า บ่อบาดาลแถบนี้ลึกๆ มันมีแก๊สไข่เน่า ที่ผ่านมาก็เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ ทำให้มีคนเสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายส่งชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ก่อนจะมอบร่างให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป