xs
xsm
sm
md
lg

“หมอเปรม”รอดคุก!ศาลฎีกาสั่งกักบริเวณ-ติดกำไล EM 2 เดือน ปิดคดีฉาวแก้ผ้านักข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กว่า 3 ปีคดีอื้อฉาวแก้ผ้านักข่าวจบแล้ว ศาลฎีกาเปลี่ยนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จากจำคุก “หมอเปรม” กับอดีตเลขาฯ 2 เดือน เป็นกักขังกักบริเวณติดกำไลอีเอ็ม 2 เดือนแทน เหตุเจ้าตัวรู้สำนึกผิดหอบเงิน 100,000 บาทวางไว้กับศาลเพื่อขอชดเชยเยียวยาโจทก์ ด้านกลุ่มนักข่าวผู้เสียหายยอมรับคำตัดสินแต่ไม่ขอรับเงินแม้แต่บาทเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ศาลจังหวัดพลได้ขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีเลขที่ อ.1519/60 ความผิดข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญ และกระทำอนาจาร โดยพนักงานอัยการ และ นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวอาวุโส นสพ.เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคอีสานตอนบน เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ อดีตเลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ในฐานะจำเลย

ทั้งนี้ จำเลยทั้ง นพ.เปรมศักดิ์ และ ร.ต.บัวทองได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ขณะเดินขึ้นศาลมีสีหน้ายิ้มแย้ม


ผลจากการพิจารณาคดี ศาลฎีกาได้เปลี่ยนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จากตัดสินให้รับโทษจำคุก 2 เดือน เป็นกักขัง 2 เดือนแทน โดยศาลให้เหตุผลว่าก่อนหน้านี้ จำเลย คือ นพ.เปรมศักดิ์ มีความรู้สึกสำนึกผิด ได้นำเงินสดจำนวน 100,000 บาทมาวางต่อหน้าศาล เพื่อขอชดเชยค่าเสียหายให้แก่โจทก์ผู้เสียหาย มีเหตุอันควรเปลี่ยนคำพิพากษาของศาลชั้นอุทธรณ์

นายปกาญ นพศรี ทนายความฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า ต้องเคารพคำพิพากษาของศาล ส่วนการกักขัง ขณะนี้ทางทนายฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องเรื่องสถานที่กักขัง ส่วนการเปลี่ยนโทษจากจำคุกเป็นกักขังนั้น ศาลมองว่าจำเลยมีการเยียวยาโดยการวางเงินชดใช้ค่าเสียหาย ถือว่าจำเลยสำนึกผิด จึงได้ลดโทษให้

สำหรับการลงโทษด้วยการกักขังแทนจำคุกนั้น ขณะนี้ในประเทศไทยยังไม่มีสถานที่กักขังผู้ต้องหา แต่อาจจะมีวิธีกักขังด้วยวิธีอื่น เช่นการกักบริเวณ โดยใช้กำไลติดตามตัว คือ กำไล EM หรือกำไลอิเล็กทรอนิกส์ แล้วให้ไปกักตัวในสถานที่ที่ศาลกำหนด


นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวไทยทีวีสีช่อง 3 หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกา ถือว่าคดีนี้สิ้นสุดแล้ว หลังจากใช้เวลานานกว่า 3 ปี สำหรับเงินสด 100,000 บาทที่จำเลยนำมาวางต่อหน้าศาลเพื่อชดเชยเยียวยานั้น กลุ่มสื่อมวลชนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของ นพ.เปรมศักดิ์ไม่ได้รับมาแต่อย่างใดเพื่อป้องกันคำครหาตามมา และอยากให้เป็นคดีตัวอย่างที่สื่อมวลชนไม่ควรถูกคุกคามจากแหล่งข่าว

สำหรับคดีความอื้อฉาวโด่งดังคดีนี้ศาลชั้นต้นได้ตัดสินเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 61 ให้ นพ.เปรมศักดิ์ พร้อมพวก รวม 2 คน รับโทษจำคุกคนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จำเลยได้สู้คดี ยื่นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้นัดอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 62 แต่เมื่อใกล้ถึงวันนัดอ่านคำพิพากษาของจำเลย คือ นพ.เปรมศักดิ์ พร้อมพวก ได้ขอกลับคำให้การใหม่ โดยรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาเพื่อขอให้ศาลเห็นใจและลงโทษสถานเบา

ถัดมาเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 62 ศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โดยเห็นว่าคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว การที่จำเลยมากลับคำให้การรับสารภาพในภายหลังไม่เกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีของศาลแต่อย่างใด


รายงานเพิ่มเติมว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 59 ผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักในจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวอาวุโส นสพ.เดลินิวส์ ภาคอีสานตอนบน, นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, น.ส.จิตติมา จันพรม ผู้สื่อข่าวเครือเดอะเนชั่น, นายสุพล บุญชื่นชม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน/ข่าวสด และนายปรัชญา เทพสกุล ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เคเคซีเคเบิ้ล ทีวี ได้ขอสัมภาษณ์ นพ.เปรมศักดิ์ (ขณะนั้นเป็นนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่) กรณีสื่อโซเชียลเผยแพร่ภาพถ่ายของ นพ.เปรมศักดิ์ นั่งคู่กับนักเรียนหญิง ชั้น ม.5 คล้ายพิธีหมั้นหรือพิธีมงคลสมรสของภาคอีสาน

แต่ทาง นพ.เปรมศักดิ์กลับออกอุบายหลอกให้ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักเข้าไปภายในห้องทำงานของตัวเอง และด้วยความไม่พอใจได้สั่งเจ้าหน้าที่เทศบาลซึ่งเป็นลูกน้องยึดโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายภาพของผู้สื่อข่าวทั้งหมด พร้อมกับล็อกตัวนายก่อสิทธิ์ ถอดกางเกงประจาน

แฟ้มภาพ
จากนั้นผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักจึงเดินทางแจ้งความเอาผิดหมอเปรม พร้อมพวกรวม 7 คน ที่ สภ.บ้านไผ่ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2559 ในข้อหา “ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนจิตใจ ให้กระทำการ หรือไม่กระทำการใด และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล“ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ได้สรุปสำนวนคำฟ้องส่งให้อัยการจังหวัดพลเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2559

โดยอัยการจังหวัดพลมีความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะ นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง เพียง 2 คน ส่วนฝ่ายโจทก์ทางอัยการมีความเห็นว่านายก่อสิทธิ์เพียงคนเดียวเท่านั้นได้รับความเสียหาย


กำลังโหลดความคิดเห็น