ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - มทส.ร่วมเอกชนวิจัยเครื่องอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 ผ่านการใช้งานแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้สำเร็จ ด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยเทคโนโลยีปลอดเชื้อด้วยระบบอุณหภูมิต่ำใช้ H202 เพียง 12% เผยปลอดภัยได้มาตรฐานปราศจากสารตกค้าง ยังคงคุณลักษณะทางกายภาพและประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโรค ช่วยประหยัดบรรเทาขาดแคลน N95 สู้โควิด-19
วันนี้ (1 ก.ย.) ที่อาคารรัตนเวชพัฒน์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (รพ.มทส.) รศ.ดร.อนันต์ ทองระอา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) พร้อมด้วย ผศ.พ.ท.นพ.บุระ สินธุภากร ผู้อำนวยการ, ผศ.ดร.สุขเกษม วัชรมัยสกุล รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์, นายวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ กรรมการผู้จัดการ และนายสุวิทย์ แว่นเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท นำวิวัฒน์การช่าง 1992 (จำกัด)
ได้ร่วมแถลงข่าวความสำเร็จในการวิจัยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ด้วยเทคโนโลยีปลอดเชื้อด้วยระบบอุณหภูมิต่ำ โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H202) เพียง 12% สำหรับอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานแล้ว ให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) ได้อย่างปลอดภัย ปราศจากสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ตกค้าง การสวมใส่สะดวกสบายและคงลักษณะทางกายภาพเหมือนหน้ากากใหม่ ไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพการกรองของหน้ากาก สามารถกรองอนุภาค PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 85% ตามมาตรฐานกำหนด และ ยังสามารถกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน ได้มากกว่า 94% ประหยัดและช่วยบรรเทาภาวะการขาดแคลนหน้ากาก N95
โดยความสำเร็จดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง ศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มทส. และบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง 1992 (จำกัด) ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์และเครื่องอบฆ่าเชื้อไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์รายใหญ่ของประเทศไทย
ผศ.พ.ท.นพ.บุระ สินธุภากร ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ มทส. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ทั่วโลก ซึ่งเป็นโรคระบาดรุนแรงที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้เวชภัณฑ์ต่างๆ เกิดการขาดแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้ากาก N95 ที่ใช้ในการป้องกันและช่วยลดความเสี่ยงให้บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดผู้ป่วย มีจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
ทั้งนี้ แนวทางในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนที่ได้รับการยอมรับวิธีการหนึ่งคือ การนำหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มาทำการอบฆ่าเชื้อด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ความเข้มข้น 59% ที่สามารถอบฆ่าเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพการกรองของหน้ากาก
สำหรับการฆ่าเชื้อเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำนั้นจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องสามารถฆ่าเชื้อ เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิด COVID-19 ได้ ต้องไม่ทำลายระบบกรองของหน้ากาก ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อความพอดีของหน้ากาก และปลอดภัยต่อผู้ที่สวมใส่หน้ากาก เช่น ไม่มีการแพร่กระจายของสารเคมีเข้าไปในเขตการหายใจ หากระบบการกรองเสียหายหรือหน้ากากไม่พอดี จะไม่ช่วยลดการสัมผัสกับอนุภาคในอากาศ
ดังนั้น ทางทีมวิจัยของศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ มทส. ได้ร่วมกับทีมวิจัยของบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง 1992 (จำกัด) ทำการวิจัยและทดลองอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพียง 12% และทดสอบคุณสมบัติหน้ากาก N95 ที่ผ่านการอบฆ่าเชื้อ ซึ่งการวิจัยและทดสอบคุณสมบัติได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
ผศ.ดร.สุขเกษม วัชรมัยสกุล รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวกลศาสตร์ทางการแพทย์ มทส. กล่าวถึงผลการทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพของหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานและผ่านการทำให้ปลอดเชื้อด้วยระบบอุณหภูมิต่ำและระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 12% พบว่า ปราศจากสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ตกค้างในหน้ากาก N95 การสวมใส่สะดวกสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด ไม่มีรูรั่วเวลาหายใจ และคงลักษณะทางกายภาพเหมือนหน้ากากใหม่ ความสามารถในการกรองอนุภาค PM 2.5 มีประสิทธิภาพมากกว่า 85% ตามมาตรฐานกำหนด และมีความสามารถในการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน ได้มากกว่า 94% ขนาดโครงสร้างรูของแผ่นกรองอากาศและความแข็งแรงของหน้ากากไม่เปลี่ยนแปลง
จากผลวิจัยนี้ถือได้ว่าคณะผู้วิจัยประสบความสำเร็จในการอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพียง 12% ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้สารฆ่าเชื้อ ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ปราศจากสารตกค้าง และยังคงคุณลักษณะทางกายภาพและคงประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรค
นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดนวัตกรรมการใช้เครื่องอบฆ่าเชื้อหน้ากาก N95, FFP2, KN95 ด้วยระบบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์โดยใช้ความเข้มข้นของน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 12% ในยามที่หน้ากากอนามัยอยู่ในภาวะขาดแคลนได้อีกด้วย