สุโขทัย - ชาวสุโขทัยลุกถือไมค์พูดต่อหน้า “บิ๊กป๊อก” ยันน้ำท่วมเที่ยวนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่พนังกั้นน้ำยมพัง หลังสร้างไม่เสร็จ-ไม่ยอมเร่งทำก่อนน้ำเหนือไหลบ่า ด้าน มท.1 รับไล่บี้คนผิดก็ต้องทำ แต่ต้องช่วยผู้ประสบภัยก่อน เผยน้ำท่วมไม่เยอะแต่หนัก
วันนี้ (26 ส.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่ท่วม ณ จุดพนังกั้นน้ำแตก ที่ ม.1 และ ม.7 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย พร้อมกล่าวกับชาวสุโขทัยว่า ในหลวงทรงห่วงใยพี่น้องประชาชน และนายกรัฐมนตรีก็เป็นห่วง บอกระหว่างประชุม ครม.สัญจรที่ระยองว่าถ้าว่างจะต้องลงพื้นที่มาดูเหตุการณ์ พร้อมสั่งกำชับทุกกระทรวงเร่งช่วยเหลือ
มท.1 ได้กล่าวอีกว่า ตนไม่ห่วงการแจกสิ่งของยังชีพเท่าใดนัก เดี๋ยวก็มีคนแจกให้ทุกคน แต่ที่มาวันนี้ เพราะต้องการทราบปัญหามาขอรับฟังทุกข์ร้อน พูดคุยปัญหาน้ำท่วม พร้อมทั้งยืนยันจะช่วยเยียวยาผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ พล.อ.อนุพงษ์พบปะกับชาวสุโขทัยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้มีชาวบ้านลุกขึ้นถือไมค์พูดต่อหน้า พล.อ.อนุพงษ์ ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติ แต่เป็นเพราะพนังกั้นแม่น้ำยมที่สร้างไม่เสร็จและไม่ยอมเร่งทำ กระทั่งน้ำเหนือไหลบ่าทำให้พนังฯ แตกน้ำทะลักท่วมบ้านเรือนชาวบ้านพังเสียหาย และทะเลหลวง ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ เป็นแก้มลิง ก็ไม่ได้เปิดใช้ระหว่างที่น้ำหลาก
พล.อ.อนุพงษ์บอกว่า ทราบดีว่าเหตุการณ์น้ำท่วมของสุโขทัยไม่ได้มาจากภัยธรรมชาติ ส่วนจะต้องไล่บี้หาผู้กระทำผิดก็ต้องทำ แต่วันนี้ต้องฟื้นฟูซ่อมแซมและเยียวยาตามเกณฑ์ พร้อมทั้งหาแนวทางช่วยเหลืออย่างอื่น ตนได้ขึ้นบินดูแล้ว เหตุการณ์น้ำท่วมทั้ง 3 อำเภอของสุโขทัยพบว่าพื้นที่ไม่กว้าง ถือว่า ไม่มาก แต่คนที่โดนน้ำท่วมถือว่าหนัก และจะหาหนทางช่วยเหลือ
“ทราบดีว่าตัวเมือง หรือย่านเศรษฐกิจเทศบาลฯ สุโขทัยไม่สะเทือน ถามว่าน้ำท่วมจะคลี่คลายเมื่อใดนั้น ผมประเมินแล้วน้ำคงไหลสู่จังหวัดพิษณุโลกได้สะดวก เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่มากก็จะคลี่คลาย แต่ไม่สามารถระบุวันได้ สำหรับน้ำที่ท่วมขังอยู่นั้นก็ต้องระบาย แต่ปัญหาคือที่สุโขทัยไม่มีที่กักเก็บน้ำ”
ถามว่า แก้มลิงทะเลหลวง ที่ประชาชนหยิบยกขึ้นมา และระบุว่าเพราะไม่เปิดประตูให้น้ำเข้าทะเลหลวง กรณีดังกล่าวตนได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ แล้ว ยืนยันว่าน้ำไม่ได้เข้ามาทิศทางดังกล่าว ซึ่งน้ำเหนือมาหลายทิศทาง และวันนี้น้ำในแก้มลิงทะเลหลวงก็เต็มแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้วงที่ผ่านมาแม่น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วมบ้านและนาข้าว ไร่ข้าวโพด-กล้วยจมบาดาลสูงระดับ 1-3 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 1.5 กม. ที่ ม.1 ม.7 ต.ปากแคว ปรากฏภาพบ้านริมตลิ่งถูกเซาะพัง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณที่ก่อสร้างพนังกั้นแม่น้ำยมที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เป็นระยะทางยาว 1,355 เมตร จนกระทั่งสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.สุโขทัย ลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบว่าสัญญาเริ่มวันที่ 2 ตุลาคม 62-30 กันยายน 2564 โดยพนังที่ก่อสร้างพังลงถึง 3 จุด ขนาดความกว้างมากน้อยต่างกันระหว่าง 10-30 เมตร ในเขตติดกับหมู่ 1 และหมู่ 7 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย