มท.1 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยจังหวัดสุโขทัย เน้นย้ำ น้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการช่วยเหลือประชาชนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
วันนี้ (26 ส.ค. 63) เวลา 11:30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายอนุชา โมกขะเวส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าการป้องกันและแก้ไขปัญหากรณีน้ำท่วมและน้ำไหลหลากพื้นที่จังหวัดสุโขทัย โดยมี นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา และคณะ ตรวจเยี่ยมโรงครัวพระราชทาน ภายในบริเวณศาลากลางจังหวัด และเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์และมอบนโยบาย โดยกล่าวว่า ในวันนี้เป็นการติดตามสถานการณ์และลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลากในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมีบัญชาให้คณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการแก้ปัญหาในพื้นที่ และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยและทุกภาคส่วน น้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการดูแลประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว จัดตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบอาหาร และแจกจ่ายน้ำดื่มสำหรับประชาชนและผู้ปฏิบัติงานอย่างทั่วถึง รวมทั้งหากประชาชนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจะต้องแจกจ่ายถุงยังชีพอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ซึ่งก็ได้รับถุงยังชีพจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก เพื่อบรรเทาและผ่อนคลายความเดือดร้อนและทุกข์ของประชาชน ทั้งนี้ หากจังหวัดมีความต้องการอะไร ส่วนกลางพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกประการ
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวต่อว่า ในด้านการบริหารจัดการสาธารณภัยและการติดตามสถานการณ์ ต้องสร้างการรับรู้กับประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ และดำเนินการบริหารจัดการตามระบบบัญชาการเหตุการณ์ แบ่งมอบพื้นที่ กำหนดภารกิจ และหน่วยปฏิบัติการในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนภารกิจในการซ่อมสร้างเพื่อฟื้นฟูกลับสู่ภาวะปกติให้ชัดเจน สำหรับด้านการฟื้นฟู เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ต้องเร่งสำรวจ ประเมินความเสียหาย และคาดการณ์งบประมาณค่าใช้จ่าย และเบิกจ่ายให้เป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของทางราชการ พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชน และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชน และขอให้ทุกคนช่วยกัน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลัง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามอำนาจหน้าที่ และหากเกินอำนาจของจังหวัดให้รายงานกระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินการ และเร่งสำรวจสิ่งสาธารณประโยชน์ในพื้นที่รายงานมายังกระทรวงมหาดไทยเพื่อนำเสนอรัฐบาลในภาพรวมต่อไป
นายไมตรี ไตรติลานันท์ กล่าวว่า ด้วยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2563 ได้เกิดอุทกภัยในพื้นที่อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง และอำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน ทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเกิดฝนตกชุกในหลายพื้นที่ ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว น้ำได้เอ่อล้นตลิ่ง และกัดเซาะริมตลิ่งแม่น้ำยม ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 17,604 คน 6,096 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 86 หลังพื้นที่การเกษตร 75,711 ไร่ โค/สุกร/เป็ด/ไก่ 42,145 ตัว ตลิ่ง/พนังกั้นน้ำ 19 แห่ง ถนน 17 สาย ระบบประปาหมู่บ้าน 3 แห่ง ซึ่งทางจังหวัดได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยมอบหมายให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดและโครงการชลประทานสุโขทัย เข้าทำการตรวจและประเมินความเสียหายเพื่อทำการซ่อมแซม ตลอดจนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย ได้จัดตั้งโรงครัวประทานเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยในพื้นที่ รวมทั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย สนับสนุนเรือยนต์กู้ภัย รถบรรทุกติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถยนต์กู้ภัย เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งแจกถุงยังชีพ และมีหน่วยทหารในพื้นที่ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อปพร. อาสาสมัคร มูลนิธิ และประชาชนจิตอาสา เข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
จากนั้น ในเวลา 13.00 น. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและรับฟังความเดือดร้อน รวมถึงพบปะให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย และเดินทางต่อไปยังวัดโสภาราม หมู่ที่ 7 ตำบลสามเรือน อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย และหมู่ที่ 7 ตำบลท่าทอง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย และพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ