กำแพงเขื่อนเรียงหินแม่น้ำยม จ.สุโขทัย ที่ยังสร้างไม่เสร็จแตกแล้ว น้ำไหลทะลักท่วมบ้านเรือนชาวปากแคว คาดมวลน้ำเหนือไม่ต่ำกว่า 1,300 ลบ.ม./วินาที ทะลักซ้ำ ผู้ว่าฯ สั่งเตรียมรับวิกฤต ขณะที่เชียงใหม่ยังหนักหลายพื้นที่
หลังจากฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ สถาการณ์แม่น้ำยมล่าสุด วานนี้ (23ส.ค.) ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบจาก ลุ่มน้ำยมใน เขต อ.บางระกำ และ อ.พรหมพิราม อ.เมืองฯ ช่วงรอยต่อเขต อ.กงไกรลาศ จ.สฺโขทัย เนื่องจากแม่น้ำยมตอนบนที่สถานีวัดน้ำ Y20, Y.1c จ.แพร่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยต้องคอยติดตามสถานกาณ์น้ำยมจากที่ สถานีเฝ้าระวัง ที่ Y.14 อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เพราะเป็นตัวกำหนดควบคุมการระบายน้ำจากประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ ลงมาในลุ่มน้ำยมตอนล่าง และ อ.บางระกำ หากมีปริมาณมากกว่า 800 ลบ.ม/วินาที ต้องเตรียมการเฝ้าระวัง น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ในพื้นที่ลุ่มต่ำ
ขณะที่เช้าวานนี้พบว่า หลังจากผนังกั้นน้ำน้ำยมบนเขื่อนเรียงหิน พื้นที่ บ้านหมู่ 1 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ได้พังทลายลง ความยาวประมาณ 50 เมตร ทำให้น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านนับร้อยหลังคาเรือน หลายบ้านต้องยกรถ และขนย้ายของหนีกันโกลาหล เนื่องจากกระดับน้ำที่ไหลเข้ามาทางกำแพงเขื่อนเรียงหินที่ยังสร้างไม่เสร็จอย่างรุนแรง และเชี่ยวกราก แม้ว่ามวลน้ำเหนือจากจ.แพร่ จะยังไหลมาไม่ถึงก็ตาม
ทั้งนี้ น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หมู่ 1 บ้านวังหิน และพื้นที่หมู่ 7 บ้านบางสรงค์ ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ซึ่งทำให้บ้านเรือนประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 200 หลังเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 400 คน ถนนสาย 1195 ปากแคว-ศรีสำโรง มีน้ำท่วมประมาณ 1 กิโลเมตร และมีเสาไฟฟ้าล้ม ส่วนพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหายแล้วราว 1,500 ไร่
ด้าน นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผวจ.สุโขทัย ได้ลงพื้นที่ตำบลปากแคว ตรวจสอบจุดที่เกิดน้ำกัดเซาะถนนริมแม่น้ำยม และบ้านเรือนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน และพบว่าน้ำยมได้กัดเซาะถนนบริเวณนี้จำนวน 3 จุด ซึ่งเป็นพื้นที่กำลังก่อสร้างผนังกั้นน้ำยม
นอกจากนี้ยังคาดว่าน้ำเหนือไหลบ่าถึงสุโขทัยคืนนี้ ประเมินปริมาณน้ำไม่ต่ำกว่า 1,300 ลบ.ม/วินาที เสี่ยงทำสถานการณ์น้ำท่วมวิกฤต
ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ มูลนิธิมิตรภาพมงคลธรรม จังหวัดพิษณุโลก ได้นำเรือท้องแบบบรรทุกถุงยังชีพ รวมถึงน้ำและอาหารแจกจ่ายชาวบ้านที่ไม่สามารถสัญจรออกมาได้
ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เชียงใหม่ แจ้งว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบ เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกัลยาณิวัฒนา เวลา 01.00 น. เกิดเหตุดินสไลด์กีดขวางเส้นทางจราจรในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.แมแดด, อำเภอสะเมิง : เวลา 08.30 น. เกิดเหตุไหล่ทางทรุดบริเวณบ้านอมลอง ต.แม่สาบ, อำเภอเวียงแหง เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 9 ต. เมืองแหง, อำเภอแม่แตง เกิดเหตุดินสไลด์กีดขวางเส้นทางจราจรในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.กื้ดช้าง
และเกิดเหตุดินโคลนไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 13 ต.ป่าแป๋ และอำเภอพร้าว ดินสไลด์ ทางเข้าบ้านแม่แวนล่าง ต.แม่แวน ซึ่งทางอำเภอได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่นำรถเข้าปรับเกลี่ยแล้ว โดยการให้ความช่วยเหลือนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ทำการปกครองอำเภอ ตำรวจ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าสำรวจความเสียหายเบื้องต้น และหมวดทางหลวงบ่อแก้วได้เปิดเส้นทางบ้านดงสามหมื่น-บ้านแม่แดดน้อย ทำให้สามารถสัญจรได้ 1 ช่องทางจราจร ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
หลังจากฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ สถาการณ์แม่น้ำยมล่าสุด วานนี้ (23ส.ค.) ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบจาก ลุ่มน้ำยมใน เขต อ.บางระกำ และ อ.พรหมพิราม อ.เมืองฯ ช่วงรอยต่อเขต อ.กงไกรลาศ จ.สฺโขทัย เนื่องจากแม่น้ำยมตอนบนที่สถานีวัดน้ำ Y20, Y.1c จ.แพร่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยต้องคอยติดตามสถานกาณ์น้ำยมจากที่ สถานีเฝ้าระวัง ที่ Y.14 อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เพราะเป็นตัวกำหนดควบคุมการระบายน้ำจากประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ ลงมาในลุ่มน้ำยมตอนล่าง และ อ.บางระกำ หากมีปริมาณมากกว่า 800 ลบ.ม/วินาที ต้องเตรียมการเฝ้าระวัง น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ในพื้นที่ลุ่มต่ำ
ขณะที่เช้าวานนี้พบว่า หลังจากผนังกั้นน้ำน้ำยมบนเขื่อนเรียงหิน พื้นที่ บ้านหมู่ 1 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ได้พังทลายลง ความยาวประมาณ 50 เมตร ทำให้น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านนับร้อยหลังคาเรือน หลายบ้านต้องยกรถ และขนย้ายของหนีกันโกลาหล เนื่องจากกระดับน้ำที่ไหลเข้ามาทางกำแพงเขื่อนเรียงหินที่ยังสร้างไม่เสร็จอย่างรุนแรง และเชี่ยวกราก แม้ว่ามวลน้ำเหนือจากจ.แพร่ จะยังไหลมาไม่ถึงก็ตาม
ทั้งนี้ น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หมู่ 1 บ้านวังหิน และพื้นที่หมู่ 7 บ้านบางสรงค์ ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ซึ่งทำให้บ้านเรือนประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 200 หลังเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 400 คน ถนนสาย 1195 ปากแคว-ศรีสำโรง มีน้ำท่วมประมาณ 1 กิโลเมตร และมีเสาไฟฟ้าล้ม ส่วนพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหายแล้วราว 1,500 ไร่
ด้าน นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผวจ.สุโขทัย ได้ลงพื้นที่ตำบลปากแคว ตรวจสอบจุดที่เกิดน้ำกัดเซาะถนนริมแม่น้ำยม และบ้านเรือนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน และพบว่าน้ำยมได้กัดเซาะถนนบริเวณนี้จำนวน 3 จุด ซึ่งเป็นพื้นที่กำลังก่อสร้างผนังกั้นน้ำยม
นอกจากนี้ยังคาดว่าน้ำเหนือไหลบ่าถึงสุโขทัยคืนนี้ ประเมินปริมาณน้ำไม่ต่ำกว่า 1,300 ลบ.ม/วินาที เสี่ยงทำสถานการณ์น้ำท่วมวิกฤต
ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ มูลนิธิมิตรภาพมงคลธรรม จังหวัดพิษณุโลก ได้นำเรือท้องแบบบรรทุกถุงยังชีพ รวมถึงน้ำและอาหารแจกจ่ายชาวบ้านที่ไม่สามารถสัญจรออกมาได้
ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เชียงใหม่ แจ้งว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบ เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกัลยาณิวัฒนา เวลา 01.00 น. เกิดเหตุดินสไลด์กีดขวางเส้นทางจราจรในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.แมแดด, อำเภอสะเมิง : เวลา 08.30 น. เกิดเหตุไหล่ทางทรุดบริเวณบ้านอมลอง ต.แม่สาบ, อำเภอเวียงแหง เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 9 ต. เมืองแหง, อำเภอแม่แตง เกิดเหตุดินสไลด์กีดขวางเส้นทางจราจรในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.กื้ดช้าง
และเกิดเหตุดินโคลนไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 13 ต.ป่าแป๋ และอำเภอพร้าว ดินสไลด์ ทางเข้าบ้านแม่แวนล่าง ต.แม่แวน ซึ่งทางอำเภอได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่นำรถเข้าปรับเกลี่ยแล้ว โดยการให้ความช่วยเหลือนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ทำการปกครองอำเภอ ตำรวจ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าสำรวจความเสียหายเบื้องต้น และหมวดทางหลวงบ่อแก้วได้เปิดเส้นทางบ้านดงสามหมื่น-บ้านแม่แดดน้อย ทำให้สามารถสัญจรได้ 1 ช่องทางจราจร ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
