กาฬสินธุ์ - หญิงวัย 47 ปี เจ้าของสวนเกษตร อ.ยางตลาด งงเป็นไก่ตาแตก จู่ๆ ได้รับใบทวงหนี้ กยศ. 34,500 บาท ทั้งที่ปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2553 ข้องใจโผล่มาได้อย่างไร วอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ละเอียด และให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ลูกหนี้ กยศ. หากชำระปิดบัญชีแล้วต้องขอหนังสือยืนยันจาก กยศ.ด้วย เพื่อจะไม่เกิดปัญหาเช่นเดียวกับตน
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางจิตตานันท์ สุริยะพงษ์ธร อายุ 47 ปี เจ้าของสวนเกษตรไร่ภูทองใบ อยู่บ้านเลขที่ 28 บ้านโคกแง้ หมู่ 5 ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ว่า ตนได้รับหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ด้วยวิธีการหักเงินเดือน จึงขอคำปรึกษา และขอให้ช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าหนังสือดังกล่าวส่งมาถึงตนได้อย่างไร เพราะตนได้ชำระเงินกู้ กยศ.ทั้งหมดและปิดบัญชีไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน คือปี 2553 ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน จ.นครปฐม
นางจิตตานันท์เล่าว่า ได้ทำสัญญากู้เงิน กยศ.เมื่อปี 2540 ขณะกำลังศึกษาระดับ ปวส. วงเงิน 50,000 บาท หลังจากจบการศึกษาแล้วตนได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ต่อมาในปี 2545 ขณะยังทำงานต่างประเทศได้รับแจ้งจากมารดาว่ามีหนังสือทวงหนี้จาก กยศ. จึงได้มอบหมายให้มารดาในฐานะผู้ค้ำประกัน ไปเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยที่ศาล จ.กาฬสินธุ์
โดยให้ผ่อนชำระทั้งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเดือนละ 700 บาท หลังจากนั้นก็ทราบจากมารดาผ่อนชำระมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตนกลับมาอยู่บ้าน ขณะที่มารดาก็ได้เสียชีวิตไป
นางจิตตานันท์กล่าวอีกว่า หลังจากตนกลับมาบ้าน ในปี 2553 ได้ไปเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน จ.นครปฐม แต่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าตนยังติดค้างชำระ กยศ.อยู่จำนวนหนึ่ง ประมาณ 24,000 บาท หากไม่ปิดบัญชีเงินกู้ดังกล่าวจะไม่สามารถเปิดบัญชีหรือสมุดเงินฝากเล่มใหม่ได้
ทราบดังนั้นตนจึงได้ชำระเงินกู้ กยศ.ตามจำนวนที่เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งมา ซึ่งถือว่าเป็นการปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.และสามารถเปิดบัญชีเล่มใหม่ได้ ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ธนาคาร
นางจิตตานันท์เล่าเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาตนหรือทางบ้านไม่เคยได้รับหนังสือทวงหนี้จาก กยศ.อีกเลย แต่จู่ๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีหนังสือทวงหนี้ กยศ.มาถึงตน โดยเป็นหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ด้วยวิธีการหักเงินเดือน ระบุหนี้คงเหลือ 34,500.09 บาท เงินค้างชำระ 20,030.43 บาท ดอกเบี้ย 1,929.27 บาท และเบี้ยปรับ 12,540.39 บาท
จึงทำให้ตนรู้สึกช็อก และงุนงงเป็นอย่างมากว่ามีหนังสือทวงหนี้ กยศ.มาถึงตนได้อย่างไรในเมื่อได้ปิดบัญชีไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน
เมื่อได้รับหนังสือทวงหนี้ดังกล่าว ตนได้โทร.ประสานตามหมายเลขที่ระบุมาในท้ายหนังสือทวงหนี้ กยศ. และทางธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน ซึ่งได้รับคำตอบเหมือนกันว่าตนยังติดค้างชำระอยู่ 34,500.09 บาท และให้นำใบเสร็จตอนไปชำระปิดบัญชีมายืนยัน ซึ่งตรงนี้ตนไม่สามารถค้นหาใบเสร็จดังกล่าวมายืนยันได้เนื่องจากเวลาผ่านมานานตั้ง 10 ปี
“ดิฉันได้ขอร้องให้ทาง กยศ.และธนาคารกรุงไทยตรวจเช็กสเตทเมนต์ย้อนหลัง ก็ไม่พบหลักฐานว่าดิฉันได้ชำระปิดบัญชีเงินกู้ประมาณ 24,000 บาทเมื่อ 10 ปีก่อนเลย จึงรู้สึกตกใจมากว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร” นางจิตตานันท์กล่าว และว่า
ข้อมูลที่ได้รับทราบจากการตรวจสอบสเตทเมนต์บัญชีเงินกู้ กยศ.ดังกล่าวในส่วนที่พบหลักฐานการชำระหลังปี 2553 คือมีการชำระ 2 ครั้ง คือ 14 กรกฎาคม 2553 จำนวน 990 บาท และ 14 ตุลาคม 2553 จำนวน 3,000 บาท โดยเป็นการโอนเงินเข้าเวลาประมาณ 24.00 น. ซึ่งตรงนี้ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆ ที่ตนก็ไม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีในเวลาดังกล่าวเลย และประวัติการชำระปิดบัญชีจำนวน 24,000 บาทนั้นหายไปไหน
จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยตรวจเช็กให้ละเอียดด้วย และตนขอยืนยันว่าได้ชำระและปิดบัญชีแล้วตั้งแต่ปี 2553 ตามที่เจ้าหน้าที่ธนาคารบอก
อย่างไรก็ตาม ตนยังจะเดินหน้าขอความเป็นธรรมให้มีการตรวจสอบการชำระหนี้ของตนใหม่ แต่ถ้าจะให้นำใบเสร็จเมื่อ 10 ปีก่อนไปยืนยันคงหมดหนทางแน่นอน เพราะใบเสร็จหายไปหมดแล้วเนื่องจากเวลาผ่านมาหลายปี และขอยืนยันว่าชำระหมดแล้วด้วย จึงอยากขอวิงวอนทาง กยศ.และธนาคารตรวจสอบในระบบให้ละเอียด ซึ่งคิดว่าคงตรวจสอบและค้นหาข้อมูลได้ง่ายกว่า
ทั้งนี้ ตนอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับลูกหนี้ กยศ. หากชำระปิดบัญชีแล้วต้องขอหนังสือยืนยันจาก กยศ.ด้วย เพื่อจะไม่เกิดปัญหาเช่นเดียวกับตน