หญิงสาวชาว จ.แพร่ กู้เงิน กยศ. ยิ้มออกหลังเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางคู่กรณีซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทผู้ประมูลทรัพย์เป็นผลสำเร็จ ไม่ต้องถูกยึดบ้านทรงไทยมูลค่า 2 ล้านบาทขายทอดตลาด ด้าน “กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา” โพสต์เตือนอย่าประมาท อย่าคิดว่าไม่จ่ายก็ได้ไ ม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องแบบที่เกิดขึ้นนี้ได้
จากกรณีญาติของผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร้องว่าถูกบังคับคดียึดบ้านทรงไทยราคากว่า 2 ล้านบาท ออกขายทอดตลาดไปชำระหนี้เงินกู้ กยศ.จำนวนเพียง 17,000 กว่าบาท โดยเจ้าของทรัพย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ต่อมานายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แจงเหตุบิดาผู้กู้ยืมถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาดเกิดจากผู้กู้ยืมไม่ยอมจ่ายหนี้เงินต้นกว่า 1.7 หมื่นบาท พร้อมดอกเบี้ย หลังศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว และหลังการสืบทรัพย์พบทรัพย์สินของผู้กู้แต่ไม่สามารถยึดได้ เหตุถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว กองทุนฯ จึงจำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันเมื่อปลายปี 61 ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เพจ “กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา” ได้ออกมาระบุข้อความว่า “ผู้กู้ กยศ.ยิ้มออก ได้บ้านทรงไทยคืน หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือและตกลงกันได้ด้วยดี พร้อมทั้งฝากเตือนน้องๆ ที่กู้ กยศ.อย่าประมาท อย่าคิดว่าไม่จ่ายก็ได้ และหากค้างชำระควรติดตามสอบถามทาง กยศ.อย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องแบบที่เกิดขึ้นนี้ได้”
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมถึงกรณีดังกล่าวว่า ลูกหนี้ กยศ.สาวเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางคู่กรณีซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทผู้ประมูลทรัพย์ได้รับมอบอำนาจมาเจรจาจำนวน 2 คน โดยมีนายภาณุ ขวัญยืน อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดแพร่ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ผลการไกล่เกลี่ยเป็นผลสำเร็จ ยินยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท และต้องชดใช้เงินกู้ กยศ. พร้อมกับค่าธรรมเนียมต่างๆ จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางไปยังกรมบังคับคดีจังหวัดแพร่ เพื่อไปเขียนคำแถลงยกเลิกการประมูลทรัพย์ต่อไป