เพชรบูรณ์ - หน.ชุดพยัคฆ์ไพรจับมือ กอ.รมน.บุกจับบ้านพักตากอากาศหรูบนเขาค้อของภรรยาอดีต ขรก.ระดับสูง หลังนักธุรกิจดังแฉกลางวงประชุม..ระบุชัดอยู่เบื้องหลังฮุบป่าเขาค้อแบ่งขาย-ทำรีสอร์ต คนซื้อโดนจับแต่ตัวเองรอด
วันนี้ (19 ส.ค.) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพรและผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 พิษณุโลก (ผอ.สจป.4 พิษณุโลก), พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชป.ศปป.4 กอ.รมน. และนายสมชาย ฉิมแย้ม หัวหน้าพัฒนาป่าไม้อำเภอเขาค้อ ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพรร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปป.4 กอ.รมน. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ สจป.4 พิษณุโลก, ทหาร ศอป.โครงการลุ่มน้ำเข็ก, กอ.รมน.เพชรบูรณ์ เข้าตรวจสอบบ้านพักตากอากาศบริเวณบ้านเสลียงแห้ง 1 หมู่ที่ 3 ต.สะเดาะพง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
หลังมีผู้ร้องเรียนว่าบ้านพักหรูดังกล่าวปลูกสร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ-วังชมภู และอยู่ในแปลงที่ดินราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) ก่อนทางกองทัพภาคที่ 3 จะส่งคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้นพบว่าที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นของ รอส. ปัจจุบันเปลี่ยนมือมาเป็นของ "นาง อ." ภรรยาอดีตข้าราชการระดับสูง ซึ่งเข้าครอบครองที่ดินตั้งแต่ปี 2553
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนายเสาวพันธ์ โคตรกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 บ้านเสลียงแห้ง 1 นำคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ไม่พบเจ้าของบ้านและผู้ดูแลแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานสำรวจที่ดินโครงการ คทช.เขาค้อ มาให้ข้อมูลว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในบัญชีรายชื่อการแจ้งลงทะเบียนครอบครองที่ดินเพื่อเข้าร่วมจัดสรรที่ดินตามโครงการ คทช. โดยผ่านการรับรองจากคณะอนุกรรมการ คทช.อำเภอและ คทช.จังหวัดแล้ว
คณะเจ้าหน้าที่จึงตรวจวัดแนวเขตที่ดินพบมีเนื้อที่ราว 5 ไร่เศษ จากนั้นได้ทำบันทึกการตรวจยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าว เพื่อจะรวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อ เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีเจ้าของบ้านพักหรูและผู้เกี่ยวข้องต่อไป
การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังนายประสม ประคุณสุขใจ เจ้าของรีสอร์ตดังในพื้นที่ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ ได้ออกมาแฉกลางที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรฯ ที่มีตัวแทนกรมป่าไม้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยพาดพิงว่ามีอดีตข้าราชการระดับสูงซื้อป่าเขาค้อสร้างรีสอร์ต
นอกจากนั้น นายประสมยังแฉหลักฐานว่าอดีตข้าราชการระดับสูงรายนี้มีการทำสัญญาแบ่งซื้อขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่ผู้ประกอบการอีกราย โดยผ่านนายหน้าซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ตรายหนึ่งบนเขาค้อ ต่อมาในปี 2561 ที่ดินซึ่งแบ่งขายได้ถูกเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมดำเนินคดี จนทำให้ผู้ประกอบการรายที่ถูกจับกุม แจ้งขอยกเลิกสัญญาและขอเงินคืนจากอดีตข้าราชการรายนี้
แต่เนื่องจากถูกปฏิเสธที่จะคืนเงิน ทำให้ผู้ประกอบการที่ตกเป็นผู้ต้องหาพลิกคำให้การในชั้นสอบสวน จากนั้นยังร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการหล่มสัก โดยปฏิเสธไม่ใช่ผู้ต้องหาตัวจริงและไม่ต้องการเป็นแพะรับบาปแทนขบวนการบุกรุกทำลายป่าเขาค้อ พร้อมซัดทอดถึงอดีตข้าราชการระดับสูงรายนี้และเจ้าของรีสอร์ตซึ่งเป็นนายหน้าค้าที่ดินเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการฮุบป่าเขาค้อด้วย