กาฬสินธุ์ - หนุ่มใหญ่เมืองน้ำดำพลิกผืนดินที่เคยปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง แต่เจอปัญหาขาดทุนและน้ำท่วมซ้ำซาก ตัดใจหันมาปลูกอินทผลัม ควบคู่กับการเกษตรผสมผสาน ใช้เวลาเพียง 5 ปีทำรายได้ปีละนับล้านบาท และกลายเป็นแหล่งเรียนรู้โคกหนองนาโมเดลให้เกษตรกรทั่วไปศึกษาดูงาน
ที่สวนสถาพรอินทผลัม เลขที่ 87 หมู่ที่ 1 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตร จ.กาฬสินธุ์ ได้พาคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความสำเร็จของเกษตรกรต้นแบบ ตามโครงการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ข่าวสารงานส่งเสริมการเกษตร ปีงบประมาณ 2563 สำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ โดยมีเกษตรอำเภอกุฉินารายณ์ พร้อมด้วยนักวิชาการเกษตร และนายสถาพร กาพย์กลอน เจ้าของสวนสถาพรอินทผลัมให้ข้อมูล
นายสถาพร กาพย์กลอน อายุ 53 ปี เจ้าของสวนอินทผลัม เล่าว่า ก่อนที่จะมาปลูกอินทผลัมนั้นพื้นที่ตรงนี้เคยปลูกพืชไร่แบบดั้งเดิมหลายชนิด เช่น บวบงู บวบหอม ฟักทอง แตงโม แตงไทย โดยเฉพาะอ้อยและมันสำปะหลัง แต่ราคาไม่แน่นอน และประสบปัญหาขาดทุน บางปีฝนทิ้งช่วงประสบภัยแล้ง ขณะที่บางปีฝนตกชุกน้ำท่วม ผลผลิตเสียหาย เช่น หัวมันเน่าเสียหายหมด เป็นปัญหาซ้ำซาก จึงหันมาปลูกอินทผลัม ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่
ซึ่งหลายปีก่อนเห็นเกษตรกรหลายพื้นที่ปลูกอินทผลัมกันมากขึ้น และผลอินทผลัมเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ มองว่ามีอนาคต ราคาขายผลผลิตสูงกว่าพืชผลทั่วไป จึงได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกอินทผลัม รวมทั้งการจัดการในแปลง และแนวทางการตลาดจากเกษตรกรหลายจังหวัด เช่น จ.อุดรธานี จ.เพชรบูรณ์ จ.นครราชสีมา ก่อนที่จะเริ่มทดลองปลูกในปี 2559 ปลูกครั้งแรกเป็นสายพันธุ์เพาะเมล็ด
อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อพันธุ์บาฮี ที่คุณภาพดี ให้ผลผลิตสูง ผลโต สีเหลืองสด รสชาติหวาน กรุบกรอบ ซึ่งสามารถควบคุมเพศและคุณภาพของอินทผลัมได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ตนมีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่อ้อย ขุดสระน้ำ 4 บ่อ และพืชล้มลุกชนิดต่างๆ 10 ไร่ ปลูกอินทผลัม 10 ไร่ จำนวน 250 ต้น ให้ผลผลิตเฉลี่ยต้นละ 70-100 กก.
ซึ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่ายปีนี้เป็นปีที่ 4 ขายส่งราคา กก.ละ 250-300 บาท ขายปลีกหน้าสวน กก.ละ 350-400 บาท รายได้เฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 บาท รวมรายได้ปีละประมาณ 1 ล้านบาท
ด้านนายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของนายสถาพร กาพย์กลอน เจ้าของสวนสถาพรอินทผลัม ที่ประสบความสำเร็จ นับเป็นเกษตรกรต้นแบบหัวก้าวหน้า ทางสำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ จึงได้เข้ามาสนับสนุนเพื่อให้มีการต่อยอด โดยสร้างองค์ความรู้เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกรทั่วไปได้เข้ามาดูเป็นต้นแบบการเกษตรทางเลือกใหม่และเกษตรผสมผสาน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการที่หลากหลาย เชื่อมโยงกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกพืชผลชนิดอื่น
รวมทั้งร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ ผลักดันเข้าร่วมโครงการโคกหนองนาโมเดล โดยจัดสรรพื้นที่ทำการเกษตร การประมง จัดเป็นร้านบ้านไม้กาแฟ ชมบรรยากาศของการเกษตรแบบผสมผสาน เมนูแนะนำกาแฟอินทผลัมสด ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านอีกด้วย
นายธีระศักดิ์กล่าวอีกว่า ในอนาคตสวนสถาพรอินทผลัมจะมีศักยภาพเป็นแปลงต้นแบบการเกษตรแบบผสมผสานและโคกหนองนาโมเดล ตั้งเป้าเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แหล่งศึกษาเรียนรู้ทางการเกษตร แหล่งเรียนรู้ทำผลิตภัณฑ์แปรรูปเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตร
ทั้งนี้ เพื่อเป็นต้นแบบแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้ชาวบ้าน เกษตรกรหรือผู้ที่สนใจ มาเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นแหล่งเกษตรทางเลือก นอกเหนือจากการทำนาข้าว ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง และต้องการทำการเกษตรผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และโคกหนองนาโมเดลดังกล่าว