ชัยนาท - สสจ.ชัยนาท เผยผลชันสูตรศพน้องไตเติ้ล เกิดจากภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด แต่พ่อแม่ยังไม่ปักใจเชื่อ ด้านผู้บริหาร รพ.ชัยนาท เชิญพ่อแม่เจรจาชดใช้ค่าเสียหาย แต่ยังตกลงกันไม่ได้
วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ น.ส.กฤษณา ขวัญศรี อายุ 23 ปี คุณแม่ชาวชัยนาท และนายอณวัฒต์ เปี่ยมศิริ สามี ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ นายแพทย์พัลลภ ยอดศิรจินดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยนาท หลังจากที่ น.ส.กฤษณา ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 แล้วลูกชาย หรือน้องไตเติ้ล ได้เสียชีวิตระหว่างการทำคลอด และระหว่างที่รอผลการชันสูตรศพจากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท เพื่อจะนำศพน้องไตเติ้ลไปผ่าพิสูจน์ซ้ำที่โรงพยาบาลตำรวจกรุงเทพมหานคร แต่กลับพบว่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ส่งมอบศพน้องไตเติ้ล ให้แก่บุคคลอื่นไป และนำไปทำพิธีฌาปนกิจ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.63
ล่าสุด นายแพทย์พัลลภ ยอดศิรจินดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยนาท พญ.ณัฐภร ประกอบ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร นพ.ถาวร สายสวรรค์ รองผู้อำนวยการด้านบริการปฐมภูมิ นายพิริยะ บุษยพรรณพงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และเจ้าหน้าที่นิติกรสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยนาท ได้เชิญ น.ส.กฤษณา ขวัญศรี นายอณวัฒต์ เปี่ยมศิริ แม่และพ่อของน้องไตเติ้ล รวมทั้งญาติๆ เข้ารับทราบผลการชันสูตรศพสาเหตุการเสียชีวิตของน้องไตเติ้ล และแจ้งเรื่องการอนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีคลอดบุตรเสียชีวิต ตามมาตร 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
พร้อมทั้งมีการเจรจาจ่ายเงินเยียวยากรณีส่งมอบศพผิด ณ ห้องประชุม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยนาท โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟัง แต่การพูดคุยระหว่างพ่อแม่น้องไตเติ้ล กับผู้บริหารโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ดำเนินไปได้ประมาณ 20 นาที ก็เป็นอันต้องยุติลง เนื่องจากไม่สามารถตกลงในเรื่องเงินเยียวยากรณีส่งมอบศพผิดได้ จึงจะมีการนัดเจรจากันใหม่ในครั้งต่อไป
นายอณวัฒต์ เปี่ยมศิริ พ่อน้องไตเติ้ล เปิดเผยว่า ทราบผลชันสูตรการเสียชีวิตของลูกแล้ว แม้แพทย์จะแจ้งว่าลูกเสียชีวิตเพราะรกแยกตัวก่อนกำหนด แต่ในปอดลูกมีอากาศ ทำให้ตนและภรรยาคิดว่าลูกต้องเสียชีวิตหลังคลอดออกมาแล้ว เพราะมีอากาศในปอดและร่างกายลูกทุกอย่างก็เป็นปกติดี จึงทำให้ไม่สามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจว่าลูกเสียชีวิตเพราะรกแยกตัว
อย่างไรก็ตาม ยังคงเดินหน้าเอาผิดต่อผู้เกี่ยวข้องเรื่องการสลับศพต่อไป โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน
ด้าน นายแพทย์พัลลภ ยอดศิรจินดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า จากการเจรจาพูดคุยกันในเรื่องการจ่ายเงินเยียวยากรณีส่งมอบศพทารกผิด เบื้องต้นยังไม่สามารถตกลงกันได้ ยังต้องรอการตัดสินใจและการพูดคุยกันในครั้งต่อไป แต่การให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องไว้ ขณะนี้คณะกรรมการฯได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือตามกฎหมายแล้ว จำนวน 360,000 บาท ส่วนผลการชันสูตรศพน้องไตเติ้ล ที่ผ่าพิสูจน์โดยแพทย์จากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ได้ระบุไว้ในใบชันสูตร ว่าเกิดจากรกลอกตัวก่อนกำหนด จึงเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม สสจ.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเด็กเสียชีวิต โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบ คาดว่าจะทราบผลภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนการสอบข้อเท็จจริงกรณีการสลับศพทารก ขณะนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ของโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างทำหนังสือรายงานสรุปผลให้ทางสาธารณสุขจังหวัดทราบ เบื้องต้น พบว่าเป็นเรื่องของความผิดพลาดในการปฏิบัติงานส่วนบุคคลเป็นหลัก มีการเก็บศพที่ไม่เหมาะสม
โดยเอาศพ 2 ศพ ไปเก็บไว้รวมกัน ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการนำศพออกไป อีกทั้งการตรวจตราก่อนส่งมอบศพอาจจะไม่มีความละเอียด จึงทำให้เกิดความผิดพลาดดังกล่าวขึ้น ซึ่งต่อจากนี้ไป สาธารณสุขจังหวัดชัยนาท จะเสนอเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อผู้ที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.ปฏิกรณ์ หาญหัตถกิจ ผกก.สภ.เมืองชัยนาท เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยได้เรียกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร มาให้ปากคำแล้ว 10 คน แต่ยังไม่ครบทุกคน และยังต้องเชิญแพทย์ชันสูตรศพโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ มาให้ปากคำเกี่ยวกับผลการชันสูตรศพด้วย และยังต้องรอผลการตรวจ DNA เถ้ากระดูกศพทารกที่นำไปเผาว่าเป็นลูกของผู้เสียหายจริงหรือไม่ โดยขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่อย่างไร และบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิด ต้องรอให้การสอบสวนดำเนินการแล้วเสร็จจึงจะสรุปผลทางคดีต่อไป