พิจิตร - ย่างเข้ากลางฤดูฝน นาข้าวพิจิตร 2.2 ล้านไร่ปลูกข้าวได้แค่ 26% ที่เหลือแห้งผากดินแตกระแหง ขณะที่แม่น้ำยมมีแต่ท้องทรายแทบกลายเป็นสนามฟุตบอลตลอดสาย
แม้ขณะนี้จะเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัว แต่ชาวนาลุ่มน้ำยมพื้นที่ อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพทะเล จ.พิจิตร ก็ยังไม่มีน้ำปลูกข้าวทำนาปีได้เหมือนดั่งเช่นทุกปีที่ผ่านมา เพราะไม่มีฝน แม่น้ำยมแห้งขอดเห็นแต่ท้องทรายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 มาจนถึงวันนี้ จะมีก็แต่เพียงเกษตรกรบางรายที่มีสระในไร่นา หรือบ่อสูบน้ำบาดาลเท่านั้นที่สามารถสูบน้ำขึ้นมาทำนาได้
นางเฉลียว แสงสว่าง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ 11 บ้านวังปลาทู ซึ่งมีนาข้าว 22 ไร่ แต่จนถึงวันนี้ก็สูบน้ำบาดาลขึ้นมาทำนาได้เพียง 11 ไร่ ทำมากกว่านี้ไม่ได้เพราะไม่คุ้มต้นทุน ขณะที่นายวิศิษฏฐ์ ปานแย้ม อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/3 หมู่ 11 บ้านวังปลาทู ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร มีนาข้าว 52 ไร่ ถึงวันนี้ยังไม่ได้ลงมือปลูกข้าวเลยแม้แต่ต้นเดียว
ทั้งคู่เป็นชาวนาที่ต้องอาศัยน้ำจากแม่น้ำยม ร้องทุกข์ว่าจนถึงวันนี้ยังไม่มีน้ำจากแม่น้ำยม หรือน้ำฝนให้ทำนาเลย เดือดร้อนมาก เกรงจะไม่มีรายได้ใช้หนี้ อยากวิงวอนให้รัฐบาลเร่งหาแหล่งน้ำรวมถึงหาทางเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรด้วย
ด้านนายวีระชัย เข็มวงษ์ เกษตรจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า พิจิตรมีพื้นที่การเกษตรประมาณ 2.2 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าวนาปี 1.8 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกข้าวนาปรัง 6.4 ล้านไร่ ในช่วงปี 62/63 ทั้งนาปี นาปรังประสบปัญหาภัยแล้ง แต่ปีนี้ฤดูกาลปลูกข้าวนาปี 63/64 วิกฤตภัยแล้งกลับหนักหน่วงกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ชาวนาขึ้นทะเบียนปลูกข้าวนาปีได้แค่เพียง 4.7 แสนไร่ หรือคิดเป็น 26% เท่านั้น ส่วนนาข้าวอีกราว 1.3 ล้านไร่ไม่สามารถปลูกข้าวได้ ชาวนาตั้งความหวังว่ากลางเดือนกรกฎาคม 2563 นี้จะมีฝนตกลงมาตามที่กรมอุตุฯ พยากรณ์ก็อาจจะได้ทำนา
อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้..น้ำยมเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตรก็ยังคงมีแต่ท้องทราย และถ้าชาวนาไม่มีน้ำทำนา ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจและรายได้แน่นอน
