พระนครศรีอยุธยา - สลด! สาววัย 49 ปี ตัดสินใจจุดไฟเผาตัวเองในรถเสียชีวิต ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนโรจนะ พื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านกรด อำเภอบางปะอิน
เวลา 05.30 น. วันนี้ (13 ก.ค.) ร.ต.อ.สุชาติ จำนงบุญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางปะอินสาขาย่อยสินทิวา ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตภายในรถสาเหตุรมควันตัวเอง เหตุเกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนโรจนะ พื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านกรด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กย 8434 พระนครศรีอยุธยา ภายในเบาะหน้าซ้ายที่นั่งข้างคนขับพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ตรวจสอบพบใบขับขี่ภายในรถระบุ ชื่อ น.ส.ฐิตาภา แซ่แต้ 49 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร สภาพศพอยู่ในท่าปรับเบาะเอนนอน และยังพบร่องรอยการจุดไฟเผาเบาะหลังรถยนต์จนเกิดไฟไหม้ และด้านหลังรถยังพบถ่านหุงต้ม 1 ถุง แกะใช้งานไปบางส่วน คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบทราบจากคนในชุมชนว่า ผู้เสียชีวิตได้มาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุกับลูกสาว แต่ไม่พบว่าใครอยู่บ้าน จนมาพบจอดรถจุดดังกล่าวและมาก่อเหตุสลดขึ้น
ด้าน นายกฤตภัค บุญศิลป์ อายุ 24 ปี รปภ. ที่มาจุดเกิดเหตุคนแรก กล่าวว่า มีประชาชนขับรถจักรยานยนต์ผ่านรถคันที่เกิดเหตุบอกมีแสงไฟขึ้นภายในรถ จึงได้รีบไปตรวจสอบ พบไฟลุกไหม้อยู่ภายในรถ จึงได้ตัดสินใจวิ่งไปหยิบถังดับเพลิงพร้อมตะโกนถามคนในละแวะว่ารถใคร แต่ด้วยความที่เห็นเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาอีกภายในรถ จึงตัดสินใจทุบกระจก และนำถังเคมีฉีด ตอนแรกไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่ในรถ พอเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ มาถึงได้ตรวจสอบพบว่ามีคนนอนอยู่ที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ จึงได้ประสานทีมแพทย์กู้ชีพโรงพยาบาลบางปะอิน มาตรวจสอบ พบว่า เสียชีวิตแล้ว
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เห็นรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวขับมาจอดอยู่ตรงบริเวณจุดเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. จากนั้นผู้เสียชีวิตก็ได้ย้ายจากเบาะนั่งคนขับมาที่เบาะซ้าย เห็นเพียงเงารางๆ เปิดแสงไฟในตัวรถ และแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็ไม่เห็นออกมาจากรถอีกเลย ก่อนพบเพลิงลุกไหม้ที่เบาะหลัง ก่อนที่พลเมืองดีจะไปแจ้งให้ รปภ.ทราบ และออกมาช่วยกันดับเพลิงที่ลุกไหม้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีลูกสาว 1 คน จะติดตามตัวมาสอบถามถึงสาเหตุของการก่อเหตุดังกล่าว และให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป