xs
xsm
sm
md
lg

กันโควิดระบาดซ้ำ! ไทยคุมเข้มชายแดนแม่สาย-แม่สอด ระดมติดลวดหนาม-วงจรปิด-บินโดรน-ซุ่มสกัดต่างด้าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม่สาย/แม่สอด - ไทยระดมสรรพกำลังงัดสารพัดวิธีคุมเข้มชายแดนแม่สอด-แม่สาย สกัดต่างด้าวเข้าเมืองกันโควิดระบาดซ้ำ ทั้งขึงลวดหนาม 2 ชั้น บินโดรนส่อง ตั้งวงจรปิด ซุ่มจับ ฯลฯ ล่าสุดรวบคนนำพา-ไล่ออกผู้นำชุมชนมีเอี่ยวแล้ว


การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้แรงงานต่างด้าวตกงานเดินทางกลับบ้านเกิดในห่วงที่ผ่านมา กระทั่งไทยประกาศผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 แรงงานต่างด้าวบางส่วนจึงพยายามลักลอบกลับเข้ามาในไทยตามช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติตามแนวชายแดนโดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัว (State Quarantine) จนเกิดความหวั่นวิตกว่าจะมีการระบาดซ้ำอีกทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องวางมาตรการคุมเข้มตามแนวชายแดนภาคเหนือทุกจุด


วันนี้ (10 ก.ค.) พล.ต.อุกฤษฎ์ นุตคำแหง ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร (ผบ.กกล.นเรศวร) พร้อมคณะนายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ร่วมกันลงพื้นที่จุดล่อแหลม-ท่าข้ามธรรมชาติชายแดนแม่สอด ที่มักมีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าฉวยโอกาสหลบหนีข้ามแม่น้ำเมยเข้ามายังเขตไทย บริเวณบ้านท่าอาจ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ตรงข้ามบ้านหมู่ที่ 5 จังหวัดเมียวดี ประเทศพม่า หลังด่านพรมแดนถาวรแม่สอดและท่าข้ามธรรมชาติระหว่างประเทศปิดตายหลายเดือนช่วงโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารได้วางมาตรการตรวจเข้มตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ล่อแหลมได้มีการวางลวดหนามสองชั้น ติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกจุด ติดตั้งไฟส่องสว่างตลอดริมแม่น้ำเมย รวมทั้งจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง รวมถึงการตั้งจุดตรวจจุดสกัดตลอดแนวชายแดนเพื่อป้องกันแรงงานต่างด้าวหลบหนีข้ามมาในเขตประเทศไทยในยามวิกาล นอกจากนี้ยังมีการใช้โดรนติดอินฟราเรดบินตรวจจับในช่วงเวลากลางคืนด้วย


ผบ.กกล.นเรศวรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้กองกำลังนเรศวรมีการเข้มงวดในการป้องกันแรงงานที่จะทะลักเข้ามาตามจุดล่อแหลม เนื่องจากโรงงานต่างๆ เริ่มเปิดกิจการและขาดแคลนแรงงาน ทำให้มีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจากนอกประเทศเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสกัดกั้นแรงงานกลุ่มดังกล่าว เพราะหากแรงงานเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทยก็อาจจะนำเชื้อโรคเข้ามาแพร่ระบาดได้


ส่วนพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะชายแดนจังหวัดเชียงราย กองกำลังผาเมืองได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งประสานความร่วมมือกับพม่าผ่าน TBC


การสกัดกั้นตามช่องทางตามแนวชายแดน โดยการเพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 25 ชุดปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ พร้อมทั้งได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม, การติดตั้งไฟส่องสว่างแบบโซลาร์เซลล์ พร้อมกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จำนวน 17 จุด, การทำเครื่องกีดขวางโดยการติดตั้งรั้วลวดหนามเพิ่มเติม 8 จุด และปรับปรุงลวดหนามที่มีอยู่เดิม จำนวน 14 จุด ให้มีความแข็งแรง ทนทาน โดยเฉพาะในช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม

การตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บนเส้นทางหลัก/เส้นทางรอง และจัดกำลังร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีจากบริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดนเข้ามายังพื้นที่ตอนในของประเทศ การปิดล้อมตรวจค้นแหล่งหลบซ่อน/พักพิง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตามแหล่ง ที่พักพิงชั่วคราวในบริเวณพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดน และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ผู้นำชุมชน และประชาชนในหมู่บ้านตามแนวชายแดน


ซึ่งห้วงตั้งแต่ 18 เมษายนที่ผ่านมา กองกำลังผาเมืองสามารถจับกุมคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาตามช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติตามแนวชายแดนเชียงราย 34 ครั้ง ผู้ต้องหา 125 คน (พม่า 113 คน, ลาว 10 คน, จีน 2 คน) และมีรายงานว่ามีการไล่ผู้นำหมู่บ้านชายแดนแม่สายรายหนึ่งออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับการนำพาคนต่างด้าวฝ่ามาตรการป้องกันโควิดเข้าไทยด้วย

ขณะที่นายไก่ (นามสมมติ) อายุ 46 ปี ชาว อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ถูกกล่าวหาว่าขี่ จยย.นำพาคนต่างด้าว (ชาย 1 หญิง 1) ลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติเมื่อ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา และปรากฏภาพเป็นหลักฐานชัดนั้น ก็ได้เข้ามอบตัวต่อฝ่ายปกครองอำเภอแม่สายแล้ว


นายไก่ให้การว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 63 ได้รับการติดต่อจากนายกู่หม่าอู ชาวพม่า ว่ามีลูกค้า 2 คน (ชาย 1, หญิง 1) มาจากกาสิโนในพม่าจะข้ามแม่น้ำสายกลับมาฝั่งไทย โดยให้มารอรับบริเวณสวนกล้วยบ้านเหมืองแดง หมู่ 2 ต.แม่สาย ตนจึงได้ตอบตกลงและขี่ จยย.ไปรับบุคคลดังกล่าว และได้พาไปส่งที่หน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารแม่สายเพื่อจะเดินทางต่อไปกรุงเทพฯ โดยรับเงินค่าจ้างคนละ 200 บาท หลังจากนั้นตนจึงกลับไปที่บ้าน กระทั่งปรากฏภาพข่าวโด่งดังไปทั่วจึงติดต่อมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่






กำลังโหลดความคิดเห็น