ศรีสะเกษ - หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้จ.ศรีสะเกษยอมถอนแจ้งความดำเนินคดี ยายวัย 63 ปี กับพวกเก็บเห็ดประทังชีวิต อ้างไม่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ไม่มีเจตนาบุกรุกและเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทางด้านตำรวจสรุปสำนวนคดีสั่งไม่ฟ้องทันที
วันนี้ (9 ก.ค.) ความคืบหน้ากรณี นางปราณี โยแก้ว อายุ 63 ปี, นางบุญมี อิทธิเดช อายุ 59 ปี และนางทัศศอร โยแก้ว อายุ 36 ปี ชาวบ้านบัวระรมย์ ต.ตองปิด อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ถูก นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ แจ้งความจับกุมดำเนินคดี เนื่องจากทั้ง 3 คนได้บุกรุกและลักลอบเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่บริเวณสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่ที่เขต ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.ธีระศักดิ์ แก้วคำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ แจ้งว่าไม่ติดใจที่จะประสงค์ดำเนินคดีต่อ นางปราณี โยแก้ว อายุ 63 ปี นางบุญมี อิทธิเดช อายุ 59 ปี และนางทัศศอร โยแก้ว อายุ 36 ปี ชาวบ้านบัวระรมย์ ต.ตองปิด อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ อีกต่อไป เนื่องจากบุคคลทั้ง 3 คนได้เข้าไปภายในสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษโดยไม่ได้ขออนุญาตเท่านั้น และไม่มีทรัพย์สินหรือสิ่งของมีค่าใดๆ ของทางราชการได้รับความเสียหาย
ได้พิจารณาโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วเห็นว่าบุคคลทั้ง 3 คนไม่มีเจตนาที่จะบุกรุกเข้ามาในสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษแต่อย่างใด และเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน นายประธานจึงได้มาขอถอนเรื่องแจ้งความดำเนินคดีต่อทั้ง 3 คน ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษได้รับแจ้งเอาไว้แล้ว ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สภ.เมืองศรีสะเกษ ข้อที่ 21 ลงวันที่ 09 ก.ค. 2563 เวลา 14.00 น.
พ.ต.อ.เทพพิทักษ์กล่าวต่อว่า คดีนี้จากการสอบสวนแม้ นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ ผู้กล่าวหาที่ 2 มอบอำนาจให้ น.ส.ฐรัชญ์ เนียมคำ ผู้กล่าวหาที่ 1 ร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกในพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษและเข้ามาเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อมาผู้กล่าวหาที่ 2 ได้มาถอนคำร้องทุกข์ไปจากพนักงานสอบสวน ก็ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป เนื่องจากเป็นการกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)
แต่จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในภาวะปัจจุบันอยู่ในภาวะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการผ่อนปรนระยะ 5 ประกอบกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนประกอบอาชีพเกษตรกรและรับจ้างทั่วไป หาเช้ากินค่ำ ทำให้เพิ่มความยากลำบากในการประกอบอาชีพ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้พากันไปเก็บเห็ดในป่าบ้านหนองม่วง-หนองสวง ตำบลหนองครก อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ และได้เก็บเห็ด (เห็ดขม) ซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติมาได้เพียงเล็กน้อย ทำให้ยังไม่เพียงพอในการประกอบอาหารเลี้ยงครอบครัว
ขณะเกิดเหตุระหว่างเดินทางกลับจึงได้พากันแวะเข้าไปในสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษที่เกิดเหตุ ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นป่าเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ มีต้นไม้นานาพรรณขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ต้องหา 3 คนเข้าใจว่าน่าจะมีเห็ดขึ้นอยู่ จึงได้เข้าไปในป่าเพื่อเก็บเห็ดเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทันได้เก็บเห็ดก็มาพบกับผู้กล่าวหาที่ 2 ซึ่งผู้กล่าวหาที่ 2 ได้สอบถามผู้ต้องหาทั้งสามถึงสาเหตุที่เข้ามาในที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหาทั้งสามยอมรับว่าไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาจริง ผู้กล่าวหาที่ 2 จึงยืนยันที่จะดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้งสาม กรณีเข้ามาบุกรุกเข้ามาเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต
พ.ต.อ.เทพพิทักษ์กล่าวอีกว่า แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ร่วมกันไกล่เกลี่ยแล้วแต่ไม่เป็นผล ผู้กล่าวหาที่ 2 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้กล่าวหาที่ 1 มาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้งสาม พิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุแล้วพบว่าไม่มีการกร่อน สร้างหรือเผา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน และไม่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจากการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสาม
อีกทั้งสิ่งของที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหาทั้งสามมีเพียงตะกร้าไม้จักสานคนละ 1 ใบ ภายในมีเห็ด (เห็ดขม) ซึ่งนำมาจากที่อื่นเพียงเล็กน้อย และเสียมขนาดเล็กคนละ 1 เล่ม อันเป็นอุปกรณ์เครื่องมือในการประกอบอาชีพในฐานะเกษตรกรเท่านั้น และผู้ต้องหาทั้งสามก็มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอน้ำเกลี้ยง ซึ่งอยู่นอกพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ อาจจะไม่ชำนาญเส้นทางและไม่ทราบว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ราชการ เนื่องจากมีสภาพเป็นผืนป่าจำนวน 100 ไร่
แม้ข้อเท็จจริงจะครบองค์ประกอบภายนอก แต่พิจารณาจากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้นเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 3 มิได้มีเจตนาอันเป็นองค์ประกอบภายใน อันจะเป็นการกระทำผิดร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 3 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดดังกล่าว ทางคดีจึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 3 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)