xs
xsm
sm
md
lg

สั่งรื้อเต็นท์ผาหัวสิงห์ ถอนคดียายเก็บเห็ด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

“อธิบดีกรมป่าไม้” สั่งรื้อเต็นท์และสิ่งปลูกสร้าง บน “ผาหัวสิงห์” ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ภายใน 15 วัน ระบุมีการบุกรุกขยายพื้นที่ชัดเจน และไม่ได้ใช้เพื่อทำเกษตร พร้อมสั่งหัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ ถอนแจ้งความ “ยายเก็บเห็ด” แล้ว

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Piya Toyai” ได้โพสต์รูปภาพบริเวณจุดชมวิวผาหัวสิงห์ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ (เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 63) ลงในเพจ “ชมรมคนรักเขาค้อ–ภูทับเบิก” ว่าวันนี้ ได้มีการสร้างจุดกางเต็นท์ และตั้งเต็นท์บนยอดเขา จนบดบังทัศนียภาพความสวยงามทางธรรมชาติ พร้อมตั้งคำถามว่า สามารถทำได้หรือไม่ และเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้าตรวจสอบ จนมีการนำเสนอข่าวและเป็นกระแสในสังคมออนไลน์นั้น

วานนี้ (9 ก.ค.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอัครชัย อาสุ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมชุดพยัคฆ์ไพร ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณผาหัวสิงห์ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทั้งนี้พบการบุกรุกขยายพื้นที่ทำกินจากเดิม โดยไม่มีการยื่นขออนุญาตก่อสร้าง กรมป่าไม้จึงได้สั่งให้รื้อถอนเต็นท์ทั้งหมดและบ้านพักอาคารซีเมนต์สูง 2 ชั้น ภายในเวลา 15 วัน

สำหรับพื้นที่ที่มีการบุกรุกขายพื้นที่มี 3 แปลง ได้แก่ แปลงแรกพื้นที่ประมาณ 19 ไร่ ประกอบด้วยที่พักมุงสังกะสี 4 หลัง และลานกางเต็นท์ จะได้ให้ผู้ครอบครองพื้นที่นำหลักฐานแสดงการได้มาของที่ดินมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในวันนี้, แปลงที่ 2 อยู่ติดกับผาหัวสิงห์ เป็นบริเวณที่ก่อสร้างตึกขาว 2 ชั้น และลานกางเต็นท์ที่ถูกนำมาวิจารณ์ในโซเชียล พื้นที่ 3 ไร่เศษ มีอาคาร 2 ชั้น 1 หลัง ห้องน้ำ ห้องสุขา 1 หลัง และลานกางเต้นท์ ซึ่งพบว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมจากเดิมที่ครอบครองเพียง 1 ไร่เศษ และ แปลงที่ 3 ยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ประกอบด้วยบ้านพักอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 หลัง ห้องน้ำจำนวน 1 หลัง ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบอีกครั้ง

“พื้นที่ทั้ง 3 แปลง บนผาหัวสิงห์ เป็นการบุกรุกขยายพื้นที่ชัดเจน และใช้พื้นที่ได้สิทธิ์ครอบครองไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการทำเกษตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 เอ โดยกรมป่าไม้ได้แจ้งความเอาผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พร้อมติดป้ายประกาศแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เอาไว้ด้วย” นายอรรถพล ระบุ

อีกด้านความคืบหน้ากรณีที่ นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.ศรีสะเกษ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ จับกุม นางปราณี โยแก้ว อายุ 63 ปี, นางบุญมี อิทธิเดช อายุ 59 ปี และนางทัศศอร โยแก้ว อายุ 36 ปี ชาวบ้าน 3 คนที่เข้าไปเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ ต.หนองไผ่ อ.เมือง เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งชาวบ้านทั้ง 3 รายชี้แจงว่าเข้าไปเก็บเห็ดขมยูคาลิปตัสเพื่อนำมาประกอบอาหารประทังชีวิตเท่านั้น

นายอรรถพล เปิดเผยว่า หลังจากทราบเรื่องนี้ ได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่เกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นได้สั่งการให้หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ศรีษะเกษถอนแจ้งความกับประชาชนทั้ง 3 คนแล้ว เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตมากมาย อีกทั้งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สั่งการไปยังหน่วยงานกรมป่าไม้ทั่วประเทศแล้วว่า ให้พื้นที่ผ่อนปรนให้ประชาชนเข้าพื้นที่ไปหาเก็บของป่าเล็ก ๆน้อย ๆสำหรับการดำรงชีวิต เช่น เก็บเห็ด หรือหาหน่อไม้ได้ แต่ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายให้พื้นที่นั้นๆ

“ผมบอกกับทางหัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ไปแล้วว่าบางกรณีก็จะไปยึดกฎหมายแบบ 100% ไม่ได้ ต้องดูหลักคุณธรรมด้วย ซึ่งกรณีเก็บเห็ด ก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่เสียหาย และตอนนี้ได้มีการถอนแจ้งความในเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว” นายอรรถพล ระบุ

ด้าน นายประธาน ที่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อถอนแจ้งความ ระบุว่า เข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แต่ชาวบ้านบางรายเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตถือวิสาสะเข้ามาโดยพลการ ไม่เคารพสถานที่ ไม่เคารพบุคลากร ไม่ให้เกียรติเจ้าหน้าที่ ตนรับราชการอยู่ที่นี่มา 12 ปี ที่ผ่านมาตนอนุญาตให้เข้ามาหาของป่าแล้วหลายร้อยคน เจอชาวบ้านบุกรุกเข้ามาตลอดทุกปี

“แต่ชาวบ้านรายนี้ดูแล้วจะเกินไปหน่อย ไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลย กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการเข้ามาลักทรัพย์ซึ่งเป็นเห็ดขมที่ขึ้นตามรากของต้นไม้ยูคาลิปตัส ถ้าไม่มีทรัพย์ตนก็จะบอกให้เขากลับไป และถ้าจะเข้ามาหาของป่าหรือเห็ดในพื้นที่จะต้องเขียนคำขอต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ามาหาของป่า พร้อมทั้งยื่นบัตรประชาชนไว้กับเจ้าหน้าที่ จะได้รู้ตัวตนว่าเป็นใครมาจากไหน ในส่วนของเรื่องทางคดีความนั้น กรณีนี้เป็นความผิดซึ่งหน้า เลยจำเป็นต้องให้จับกุมดำเนินคดี ผมได้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ ก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาว่าจะมีความเห็นว่าอย่างไร” นายประธาน กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น