ประจวบคีรีขันธ์ - มะพร้าวอินทรีย์ประจวบฯ ส่งออกสหภาพยุโรปไร้ผลกระทบจากการใช้ลิงกังเก็บผลผลิต ตัวแทนบริษัทผู้ค้าในประเทศไทยได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาศึกษาดูงานในพื้นที่จริง
วันนี้ (6 ก.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ประธานเครือข่ายผู้ปลูกมะพร้าวอินทรีย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กรณีสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ซูเปอร์มาร์เกตหลายแห่งในประเทศอังกฤษ ประกาศจะเลิกจำหน่ายผลิตภัณฑ์มะพร้าวบางรายการ จากไทย เนื่องจากองค์กรพิทักษ์สัตว์ป่าในต่างประเทศ ระบุว่า ไทยมีการใช้ลิงกังเก็บมะพร้าวเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์
สำหรับการจำน่ายมะพร้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษ โดยไม่ใช้สารเคมีในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 2,000 ไร่ ไม่มีผลกระทบจากผลผลิตที่นำไปแปรรูปเป็นน้ำกะทิส่งออกไปขายในตลาดสหภาพยุโรป หรืออียู แต่ยอมรับว่าเมื่อ 2 ปีก่อน มีตัวแทนการค้าจากสหภาพยุโรปได้ทักท้วงกรณีการใช้ลิงกังขึ้นมะพร้าว
ต่อมา ตัวแทนบริษัทผู้ค้าในประเทศไทยได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาศึกษาดูงานในพื้นที่จริง ทำให้ทราบว่าไม่มีการทรมานสัตว์ตามที่องค์กรพัฒนาเอกชนตั้งข้อสังเกต ขณะที่ผลผลิตมะพร้าวอินทรีย์ปัจจุบันมีราคาขายส่งผลละ 22-23 บาท แพงกว่ามะพร้าวในท้องตลาดทั่วไปผลละ 4-5 บาท แต่ผลผลิตในจังหวัดยังไม่เพียงพอในการนำไปแปรรูปเพื่อการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ
นายสมนึก รุ่งกำจัด อดีตผู้สมัคร ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การแบนผลิตภัณฑ์กะทิจากมะพร้าวไทย จากการกล่าวอ้างว่ามีการทารุณกรรมสัตว์ เพราะใช้ลิงกัง ส่วนตัวถือว่าปัญญาอ่อน ไม่น่ามีแนวคิดมาจากเอ็นจีโอในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่น่าจะมีปัญหาในการกีดกันการค้าหรือต้องการกดราคาสินค้า ขณะที่ในอดีตต่างชาติไม่เคยแบนข้าวไทยจากการใช้ควายไถนา หรือปัจจุบันเมื่อมีปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้มีผลผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ในต่างประเทศขาดแคลน เหตุใดจึงไม่ยกข้ออ้างว่าสับปะรดประจวบคีรีขันธ์ที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดในประเทศ มีการบุกรุกไปปลูกในพื้นที่ที่ช้างป่าอาศัยและหาเรื่องแบนไม่ซื้อสับปะรดกระป๋อง เหมือนเมื่อหลายปีก่อน
สำหรับอำเภอทับสะแก ปลูกมะพร้าวมานานกว่า 100 ปี ได้รับยกย่องให้มีผลผลิตสำหรับทำน้ำกะมิที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศ ปัจจุบันมะพร้าวบางสวนมีความสูงมากกว่า 80 เมตร ไม่สามารถใช้ไม้สอยได้จึงต้องใช้ลิงกัง และขอยืนยันว่าเจ้าของดูแลอย่างดี นอกจากนั้น ยังมีโรงเรียนฝึกสอนลิงกังให้เก็บมะพร้าว