หนองคาย - เมียสาวชาวสระใคร หนองคาย ถูกยิงกลางหลังนัดเดียวเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล ตำรวจเค้นสอบผัวให้การปฏิเสธไม่ใช่มือฆ่า ขณะที่เพื่อนบ้านระบุสองสามีภรรยาทะเลาะกันประจำ ผู้การฯ เร่งสางคดี
เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา (30 มิ.ย.) ร.ต.อ.สุระ คำดีบุญ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สระใคร จ.หนองคาย รับแจ้งเหตุจากโรงพยาบาลสระใคร มีคนถูกยิงเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.สระใคร, พ.ต.ท.จำเนียร ไชยวาส รอง ผกก.สอบสวน โดยทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ นางอลิศรา โพธิราช อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 13 ต.สระใคร ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาด 1 นัด ที่กลางหลัง
ต่อมาเวลา 09.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.) พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุที่บ้านเลขที่ 384 หมู่ 13 บ้านโนนธงชัย ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวของนายสมพร โพธิราช อายุ 38 ปี สามีของนางอลิศรา ผู้ตาย หลังเกิดเหตุนายสมพรตกเป็นผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ แต่นายสมพรยังให้การปฏิเสธ
พร้อมกันนี้ นางทองใบ โพธิราช อายุ 68 ปี มารดาของนายสมพร ได้ทราบข่าวรีบมาที่บ้าน สอบถามเหตุการณ์และพูดกับลูกชายว่าหากเป็นคนลงมือทำจริงก็ให้ยอมรับ แต่หากไม่ได้ทำก็ให้พูดความจริงกับตำรวจ
ทั้งนี้ ญาติสนิทคนที่คุ้นเคยกับนายสมพรต่างพากันสงสัยนายสมพรน่าจะเป็นคนลงมือฆ่าภรรยาของตัวเอง ต่างช่วยกันเกลี้ยกล่อม แต่นายสมพรก็ยังยืนกรานปฏิเสธอย่างหนักแน่น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พยายามหาอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปืนลูกซองสั้น แต่ยังหาไม่พบ อีกทั้งไม่พบรอยคราบเลือด
ญาตินายสมพรรายหนึ่งบอกว่า นายสมพรและภรรยาทำงานรับจ้างก่อสร้าง หลังจากว่างเว้นงานก่อสร้างก็ทำนาและรับจ้างทั่วไป ทั้งสองคนมีลูกสาวหนึ่งคนแต่แยกไปมีครอบครัวแล้ว ทำให้อยู่บ้านกันลำพังสองผัว-เมีย นายสมพรชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ และทุกครั้งที่ดื่มเหล้าก็จะอารมณ์ร้อนมีปากเสียงทะเลาะกับภรรยาอยู่เสมอ จนชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเห็นเป็นที่ชินตา
ในวันเกิดเหตุ ญาติคนหนึ่งซึ่งบ้านอยู่ห่างไปประมาณ 50 เมตร ได้ยินเสียงตูมดังขึ้น 1 ครั้ง ไม่นานก็ได้ยินเสียงนายสมพรร้องขอความช่วยเหลือให้พานางอลิศราไปส่งโรงพยาบาล โดยนายสมพรได้ใช้ผ้าห่มคลุมร่างนางอลิศราไว้แล้วพาขึ้นรถไปโรงพยาบาลสระใคร แต่นางอลิศราเสียชีวิตระหว่างทาง
พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย กล่าวว่า ขณะนี้นายสมพร ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิตที่สุด ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และจากการสอบปากคำนายสมพรยังให้การสับสน โดยเฉพาะจุดที่เกิดเหตุซึ่งนายสมพร กับพยานให้การไม่ตรงกัน ยังขัดแย้งกันอยู่ โดยได้กำชับให้ตำรวจเร่งค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และนำศพส่งตรวจที่นิติเวชขอนแก่น ส่วนคราบเขม่าก็จะนำส่งตรวจที่พิสูจน์หลักฐานกรุงเทพฯ คาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้
เบื้องต้นคาดว่าจะเกิดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ส่วนประเด็นอื่นทั้งการทะเลาะกับเพื่อนบ้านที่นำแพะมาเลี้ยงในทุ่งนาที่นายสมพรเช่าทำนาแล้วถูกแพะกัดกินต้นกล้าจนเกิดทะเลาะกันขึ้น ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้ง ซึ่งจะได้เร่งสอบสวนและจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
