พิษณุโลก/พะเยา - เกษตรกรหลายพื้นที่หลายจังหวัดทยอยเปิดสวนอินทผลัม ที่กำลังให้ผลผลิตออกลูกสุกงอมเหลืองทองอร่าม ดันเป็นจุดเช็กอินนักท่องเที่ยว-ขายสดทำเงินได้กิโลฯ ละ 300-400 บาท
“สวนอินทผลัม” ที่กำลังเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่น่าจับตาและมีเกษตรกรแห่ปลูกกันมากมายหลายจังหวัด เริ่มให้ผลผลิตออกลูกสุกสีเหลืองทองแซมอยู่ท่ามกลางใบเขียวขจี ซึ่งหลายแห่งเริ่มต่อยอดเปิดรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรรับห้วงการคลายล็อกดาวน์ป้องกันโควิดระบาด เฟส 5 นี้
ล่าสุด นายชัยวัฒน์ ประดับเพชร ปลัดอำเภอนครไทย จ.พิษณุโลก เป็นประธานเปิดสวนก้ามปูอินทผลัม ที่บ้านบก หมู่ที่ 5 ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เพื่อให้เป็นจุดเช็กอินใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ อ.นครไทย
น.ส.อัญชลี อินสาย หรือน้องก้ามปู เจ้าของสวน เปิดเผยว่า พ่อและแม่ปลูกอินทผลัมไว้ 100 ต้นบนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ เป็นสายพันธุ์บาร์ฮีเนื้อเยื่อ ลักษณะเด่นคือ ผลมีรูปทรงอ้วนกลม ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองเข้มเมื่อผลแก่จัด พอสุกงอมเนื้อจะนิ่มมีรสชาติหวานอร่อย และสายพันธุ์เพาะเมล็ดที่มีลักษณะโดดเด่นคือ ผลมีรูปทรงเรียวยาวกว่าบาร์ฮีเล็กน้อย ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม และจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มเมื่อผลแก่จัดให้รสชาติหวาน ที่อาจแตกต่างกันเล็กน้อย
“อินทผลัม” จะช่วยป้องกันมะเร็งช่องท้อง ช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มกำลัง ขจัดความเมื่อยล้า ช่วยดับความหนาวเย็น อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูง และช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า รวมทั้งยังช่วยเพิ่มสารอาหารสำคัญในน้ำนมแม่ ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นต้น
สำหรับอินทผลัมที่สวนก้ามปูจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 400 บาท หากเป็นน้ำอินทผลัมจะจำหน่ายขวดละ 20 บาท ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ทางเพจสวนก้ามปูอินทผลัม ณ ผาขี่ควาย อ.นครไทย
นายพงศกร อินสาย บิดาของน้องก้ามปู เปิดเผยว่า อินทผลัมในสวนเป็นสายพันธุ์กินสุก ซึ่งมีรสหวาน กรอบ อร่อย เริ่มแรกตนนำอินทผลัมจากต้นแม่ KL1 (เคแอลวัน) มาทดลองปลูก ปรากฏว่ากลายพันธุ์ 2 ต้น มีอยู่ 2 ต้นผลจะสีแดงให้รสชาติหวานกรอบอร่อยและสามารถตั้งราคาขายได้
อย่างไรก็ตาม อินทผลัมในสวนของตนส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์บาร์ฮี เพราะปลูกเชิงพาณิชย์ตลาดมีความต้องการ ผลผลิตปีนี้ออกมาครบทั้ง 100 ต้น แต่ละต้นจะมีประมาณ 10-15 ทะลาย ทะลายละประมาณ 10-15 กิโลกรัม หรือต้นละ 120-200 กิโลกรัม มีนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดและในจังหวัดพิษณุโลกที่ทราบข่าวแวะมาเที่ยวชมตลอดเวลา
ส่วนที่พะเยา..พบว่านายวิเชียร เมืองวงค์ อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 7 บ้านต๋อมดง ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา ที่หันหลังให้อาชีพพนักงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มาปลูกพืชผักผลไม้ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยเลือกปลูกอินทผลัมพันธุ์บาร์ฮี 20 ต้น 3 ปีสามารถเก็บผลผลิตขายได้
นายวิเชียร นามวงค์ อายุ 50 ปี เปิดเผยว่า เริ่มทดลองนำอินทผลัมพันธุ์บาร์ฮีมาปลูกในที่ดินว่างเปล่าบริเวณบ้าน หลังจากปลูกได้ 2 ปีก็เริ่มเห็นผลแต่ออกไม่เยอะ จึงนำเมล็ดพันธุ์มาเพาะขยายพันธุ์เอง และปีนี้เป็นปีที่ 3 ได้ผลผลิต เริ่มติดมากขึ้นทำให้มีผู้สนใจสั่งจองจนไม่พอขาย
