บุรีรัมย์ - เหยื่อหลายจังหวัดถูกเต็นท์รถมือสองรายใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ฉ้อโกงกว่า 130 ราย สูญเงินกว่า 22 ล้าน ถือป้ายขอความเป็นธรรมบุก สภ.สตึก จี้เร่งรัดคดีหวั่นไม่คืบ ขณะ ตร.นัดนำสำนวนคดีและผู้ต้องหา 4 รายส่งอัยการวันนี้ แต่ผู้ต้องหาขอเลื่อนอ้างป่วย
วันนี้ (19 มิ.ย.) ผู้เสียหายจากหลายจังหวัด ทั้ง จ.บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ และ จ.นครราชสีมา ที่ถูกเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่งใน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ฉ้อโกงในการซื้อขายเปลี่ยนรถทั้งรายเก่าและรายใหม่กว่า 20 ราย จากจำนวนผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 130 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 22 ล้านบาท ได้รวมตัวกันถือป้ายที่มีข้อความว่า “พวกเรากลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน คดีความไม่คืบหน้าและไม่ได้รับความเป็นธรรม จากคดีเต็นท์รถรายใหญ่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์” ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรสตึก พร้อมมอบกระเช้าเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดีและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย
หลังจากเมื่อเดือน ก.พ.2562 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นจับกุมเต็นท์รถดังกล่าว โดยได้ทำการอายัดรถกว่า 200 คัน จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ยึดทรัพย์กว่า 200 ล้านบาท และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และอดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ได้เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมด้วยตัวเอง แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า
ทั้งยังมีผู้เสียหายรายใหม่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่บางรายถูกทางเต็นท์รถฟ้องกลับทั้งที่ตัวเองเป็นผู้เสียหาย จึงได้พากันมาเร่งรัดติดตามคดี และให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ ตัวแทนผู้เสียหายกลุ่มดังกล่าวจะพากันเดินทางไปยื่นหนังสือที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา เพื่อให้ช่วยเหลือในอีกทางหนึ่งด้วย
นางวัลลิกา ลุนแดง อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้เสียหายรายเก่าที่เคยแจ้งความร้องทุกข์ไว้ บอกว่า ตนเป็นผู้เสียหายในคดีถูกเต็นท์รถฉ้อโกง นอกจากจะไม่ได้รับความเป็นธรรมสูญทั้งเงินทั้งรถแล้ว ยังถูกเต็นท์รถฟ้องกลับอีก ทั้งครอบครัวต้องมาเดือดร้อนด้วยที่เซ็นเอกสารค้ำให้เพราะเล่ห์กลโกงของเต็นท์ ทุกวันนี้เดือดร้อนมาก จึงได้พากันมาร้องขอความเป็นธรรมและเร่งรัดให้ตำรวจเร่งทำคดีด้วย เพราะนอกจากรายเก่าที่คดีจะไม่คืบหน้าแล้ว ยังมีประชาชนรายใหม่ที่ไม่รู้เล่ห์กลโกงของเต็นท์ตกเป็นเหยื่ออีกเป็นจำนวนมาก
ด้าน นายมงคล ศิรินนท์ อายุ 37 ปี ผู้เสียหายรายใหม่ บอกว่า ตนเองไม่เคยรู้ประวัติของเต็นท์แห่งนี้ แต่มีตัวแทนมาติดต่อซื้อขายรถให้ จนสุดท้ายก็ถูกโกงสูญทั้งเงินและรถที่มาติดต่อซื้อขาย จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งรัดทำคดีให้ด้วย เพราะอยากได้เงินที่สูญไปคืน และไม่อยากให้ใครต้องมาตกเป็นเหยื่อถูกเต็นท์ดังกล่าวหลอกอีก
ขณะที่ พ.ต.ท.ยศวัฒน์ มณีวงษ์ชัยกิจ รองผู้กำกับการ สภ.สตึก ให้ข้อมูลว่า คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ไว้กว่า 130 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 22 ล้านบาท หลังจากที่มีการนำหมายศาลเข้าจับกุมเจ้าของเต็นท์พร้อมพวกรวม 4 คน เมื่อเดือน ก.พ.2562 ที่ผ่านมา ก็มีการไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายไปแล้วประมาณ 90 ราย เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังมีผู้เสียหายบางรายที่อาจยังไกล่เกลี่ยไม่ลงตัวจึงได้มาร้องเรียนอีก
ยืนยันว่าทางตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากผู้เสียหายมีเป็นจำนวนมาก ต้องใช้เวลาสอบปากคำ รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้รวบรวมเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำหนดจะนำสำนวนพร้อมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนส่งพนักงานอัยการวันนี้ แต่หนึ่งในผู้ต้องหาอ้างว่าป่วยจึงขอเลื่อนวันออกไปก่อน