ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เจ้าของร้านเก่าแก่กว่า 80 ปีย่านถนนท่าแพลั่นพร้อมเลิกกิจการหากสุดต้าน หลังเพิ่งรู้ทุนใหญ่จ่อผุดอาคารสูงใหญ่เปิดโรงแรมหรูค้ำหัว ชี้ไม่เหมาะสมแปลกปลอมทำลายเสน่ห์ดั้งเดิมของย่านที่อาคารบ้านเรือนร้านค้ารักษาสืบทอดกันมา
จากกรณีกลุ่มทุนใหญ่ระดับประเทศรายหนึ่งกำลังดำเนินโครงการลงทุนก่อสร้างโรงแรมขนาด 80 ห้อง สูง 13 ชั้น บนถนนท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมาถึงขั้นที่กำลังจะมีการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ครั้งที่ 2 โดยที่เครือข่ายภาคประชาชนและนักวิชาการด้านการอนุรักษ์เมืองเก่าเชียงใหม่ รวมทั้งผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงโดยรอบไม่ทราบมาก่อน ทำให้ห่วงใยและกังวลว่านอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยเดิมแล้ว ยังจะทำลายสิ่งแวดล้อมทางประวัติศาสตร์และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเมืองเก่า รวมทั้งจิตวิญญาณของเมืองและการเป็นมรดกโลก ซึ่งคณะกรรมการอนุรักษ์พัฒนาเมืองเก่าเชียงใหม่และปริมณฑลภาคประชาชนได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ทบทวนผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าว
นายอุทัย ศิริภากรกาญจน์ อายุ 82 ปี เจ้าของร้านตัดเสื้อผ้าเก่าแก่บนถนนท่าแพ ใกล้กับจุดที่ตั้งโครงการก่อสร้างโรงแรมดังกล่าว เปิดเผยว่า ร้านแห่งนี้ที่เป็นบ้านของครอบครัวเปิดมาตั้งแต่รุ่นพ่อเมื่อกว่า 80 ปีที่แล้ว โดยตนเกิดที่ร้านแห่งนี้จนกระทั่งรับสืบทอดกิจการและอยู่มาตลอด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะมีเอกชนมาลงทุนโครงการก่อสร้างโรงแรมหรูเป็นอาคารสูงอยู่ใกล้กับร้าน จนกระทั่งมาทราบจากข่าว ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพราะอาคารสูงและทันสมัยน่าจะเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับย่านนี้ที่อาคารบ้านเรือนร้านค้าล้วนเป็นของดั้งเดิมที่มีการรักษาสืบทอดกันมา และเป็นที่ตั้งของวัดวาอารามหลายแห่งตลอดถนน
อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่ออกไปเคลื่อนไหวเรียกร้องคัดค้านใดๆ เพราะเหมือนหนูที่ย่อมสู้กำลังช้างไม่ไหว อีกทั้งตัวเองอายุมากแล้ว คงต้องปล่อยให้เครือข่ายภาคประชาชนและนักวิชาการเป็นปากเป็นเสียงแทน ซึ่งหากไม่สำเร็จและมีการก่อสร้างอาคารสูงได้ตนก็ไม่ขัดขืน และต้องยอมรับสภาพที่เสน่ห์ของย่านท่าแพจะเลือนหายไป แม้ว่าจะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมก็ตาม และตนคงตัดสินใจปิดกิจการของร้านไปเลยหากได้รับผลกระทบ
