จุดหนองสูงใต้ ตั้งด่านตรวจฉี่พบเป็นสีม่วงพร้อมรีดเงิน 40,000 บาท แลกไม่ดำเนินคดี แต่เจ้าตัวไม่เคยยุ่งเกี่ยวยาเสพติด มั่นใจไม่ผิดเลยได้ลดเหลือ 15,000 บาท
จากกรณีข่าวฉาวซ้ำวงการสีกากี กรณีพระวัดป่าใน ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร พาโยมชาวขอนแก่นไปทำบุญที่วัด ระหว่างทางถูกตำรวจตั้งด่านตรวจฉี่ ปรากฏผลออกมาเป็นสีม่วง โดยตำรวจเรียกรับเงินแลกดำเนินคดี 40,000 บาท แต่ต่อรองเหลือ 15,000 บาท
ต่อมา ชาวบ้านที่ถูกรีดเงินนำหลักฐานการตรวจของแพทย์มายืนยันว่าไม่มีสารเสพติด ทำให้ชาวโซเชียลตำหนิด่าทอพฤติกรรมไม่ดีของตำรวจ
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (15 มิ.ย.) นายสำเนียง ภาโนมัย อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 7 บ้านโคกค้อย ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้พาญาติๆ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าเทพนิมิต ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดสกัดสารเสพติด จุดหนองสูงใต้ เรียกให้ตรวจปัสสาวะ ผลเป็นสีม่วง
ซึ่งตนไม่ยอมรับเพราะไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ตำรวจจึงนำปัสสาวะดังกล่าวไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่ตนไม่ได้เห็นผลแพทย์ของโรงพยาบาลหนองสูง เป็นข้อกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่ และยืนยันจะดำเนินคดีส่งฟ้องศาล
หลังจากนั้นจึงได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งพระอาจารย์คำนวณ ฐิตญาโณ เจ้าอาวาสวัดป่าเทพนิมิต ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวขอรับเงิน จำนวน 40,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ต้องดำเนินคดี แต่สามารถต่อรองกันได้เป็นเงิน จำนวน 15,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความแคลงใจให้แก่ตนเป็นอย่างมาก ที่ต้องเสียเงินทั้งที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากตนป่วยเป็นโรคเกาต์ เบาหวาน และความดัน ดังนั้น ก่อนเดินทางกลับขอนแก่นในวันเดียวกัน จึงตัดสินใจแวะโรงพยาบาลหนองพอก จ.ร้อยเอ็ด เพื่อให้แพทย์ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ซึ่งผลออกมาไม่มีสารเสพติด ขัดแย้งกับผลการตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจมุกดาหารที่จับกุมและเรียกรับเงิน
หลังจากนั้น จึงได้นำผลตรวจของโรงพยาบาลหนองพอก ไปแจ้งให้พระอาจารย์คำนวณ ทราบ ทางพระอาจารย์ได้นำเรื่องไปร้องสื่อมวลชน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมยอมคืนเงิน จำนวน 15,000 บาทให้ตน
โดยล่าสุด วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดมุกดาหารได้เข้ามาสอบถามถึงรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นายว่าเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด ซึ่งตนไม่ติดใจเอาความตำรวจเหล่านั้น ส่วนเรื่องความผิดทางวินัยก็สุดแล้วแต่ทางผู้บังคับบัญชาของตำรวจชุดดังกล่าวจะดำเนินการ